วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ผู้ว่าฯสระบุรีสั่งการ ตรวจค้นยาเสพติดพร้อมกัน 6 จุด ได้ผู้ต้องหาอื้อ

ฝ่ายปกครอง สนธิกำลัง ปปส. ภาค 1และ กอ.รมน.สระบุรี ตรวจค้นยาเสพติดพร้อมกัน 6 จุด ได้ผู้ต้องหาอื้อ
ผู้ว่าฯสระบุรีสั่งการ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ปปส. กอ.รมน.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ อส. สนธิกำลังกัน ตรวจค้นเป้าหมาย บ้านพระฉาย หมู่ 1 ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรีพร้อมกัน 6 จุดรวบ ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า พร้อมตู้สล๊อด 7 ตู้ ได้ผู้ต้องหา 15 คน
เมื่อ 22 ต.ค.56 เวลา 05.30 น.นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี/ผอ.กอ.รมน.สระบุรี มอบหมายให้ ดร.ชรัส บุญณสะ ปลัดจังหวัดสระบุรี บูรณาการหน่วยงาน กับ พ.อ.รังสรรค์ ยิ้มสู้ รองผอ.กอ.รมน.สบ. นายอภิสรรค์ สง่าศรี นายอำเภอเมืองสระบุรี นายสงวนศักดิ์ ศรีวัฒนพงษ์ ผอ.ส่วนบังคับใช้กฎหมาย ปปส. ภาค 1 นำกำลังเจ้าหน้าที่ อส.ปปส.กอ.รมน.เข้าปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านเป้าหมายยาเสพติด บริเวณหมู่ที่ 1 ,3 และหมู่ที่ 7 ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี สามารถจับกุมตัว นางภัคจิรา วุฒิโส อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 59/1 หมู่1 ต.หนองปลาไหล พร้อมยาบ้า สีส้มบรรจุในหลอดกาแฟ จำนวน 10 เม็ด ควบคุมตัวผู้ต้องหา เสพยาบ้า ได้ 14 ราย เป็นชาย 9 หญิง 4 ราย ตู้เกมส์สล็อต 7 ตู้ อาวุธปืน 2 กระบอก พร้อมอุปกรณ์การเสพจำนวนหนึ่ง บัญชีเงินฝากต้องสงสัย ที่มีเงินหมุนเวียนกว่า 3 ล้านบาท 1 เล่ม พร้อมตรวจค้น บ้านเลขที่259 หมู่ที่ 1 พบสารที่คาดว่าจะเป็น ยาไอซ์ อีก 3 ห่อ (จี ) ผู้ต้องหา เป็นเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบสวนนำไปขยายผลต่อไป
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

สนุก สุขใจ สืบสานวัฒนธรรมไทย ในวันออกพรรษา

ทำบุญ ไหว้พระ เที่ยวงานวัด สนุก สุขใจ สืบสานวัฒนธรรมไทย ในวันออกพรรษา ตั้งแต่จำความได้ เมื่อถึงวันพระ ยายจะปลุกเราและน้องตั้งแต่เช้า จัดแจงอาบน้ำ ใส่เสื้อผ้าที่สวยที่สุด และสวมสร้อยทองที่ยายเก็บไว้ให้เฉพาะสำหรับไปวัดเท่านั้น ยายบอกว่าอยู่บนศาลาต้องสงบเสงี่ยมเรียบร้อย แต่ด้วยประสาเด็ก จึงมิวายจะเล่นกันเสียงดัง พอถูกดุ ถูกตี ก็เงียบได้ไม่กี่นาทีเดี๋ยวก็ซุกซนเหมือนเดิม ไม่มีเข็ดหลาบ ช่วงเวลาแห่งความสุขของเราคือขณะพระสงฆ์ฉันภัตตาหาร เราจะลงจากศาลามาเก็บดอกแก้ว ลูกจันทน์ ไปเล่นตามประสาเด็ก เรียกว่าสนุกสุด ๆ
พฤติกรรมนี้กลายเป็นวัฒนธรรมที่ส่งต่อมายังรุ่นลูก รุ่นหลาน ลูกชายคนเล็กจะร้องไห้กระจองอแง ถ้าเราไม่พาไปวัดในวันพระ การไปทำบุญตักบาตรในวันพระจึงกลายเป็นกิจวัตรของครอบครัวเรา และอีกหลาย ๆ ครอบครัว ที่ได้มาพบปะกันบนวัด เฉกเช่นเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ เป็นวันออกพรรษา ณ วัดสะกัดน้ำมัน ตำบลท่าโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เป็นเสมือนวันนัดพบของคนในหมู่บ้าน ทั้งผู้เฒ่า ผู้แก่ ลุง ป้า น้า อา พี่ น้อง หลาน เหลน แม้แต่เด็กที่เพิ่งเกิดได้ไม่กี่เดือนก็ถูกผู้เป็นพ่อเป็นแม่อุ้มมา ใครที่ไปเรียน ไปทำงาน ไกลบ้าน ก็ได้มาพบหน้า ถามไถ่ ทุกข์สุขกันบนวัดนี่เอง บางคนจากบ้านไปนาน ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาก็ถูกซักไซ้ไล่เลียงว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร บนวัดจึงเต็มไปด้วยเสียงอันอื้ออึง แต่เปี่ยมด้วยความอบอุ่น กระทั่งเสียงระฆังดัง ทุกคนจึงสงบเสงี่ยม เรียบร้อย พนมมือเตรียมไหว้พระสงฆ์ที่เดินจากกุฏิขึ้นมาบนศาลา
เนื่องด้วยเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา ที่เรียกกันว่าวันบุญใหญ่ วันนี้จึงมีกิจกรรมหลายอย่าง ทั้งการทำบุญผ้าป่า ที่ลูกหลานสนุกสนานกับการนำธนบัตรเสียบไม้ การฟังเทศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศน์มหาชาติ ที่ว่ากันว่า ใครฟังครบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ จะได้อานิสงส์อันยิ่งใหญ่ ตลอดจนการช้อนปลาที่ทางวัดจัดเตรียมไว้เพื่อนำไปปล่อยในแม่น้ำ ที่สำคัญกิจกรรมการละเล่นภายในบริเวณวัดที่เป็นเป้าหมายสำคัญของเด็ก ๆ ซึ่งจัดต่อเนื่องไปจนถึงวันพรุ่ง อันเป็นวันตักบาตรเทโวโรหณะ ที่มีขบวนเทวดา นางฟ้า และไฮไลท์คือ ชูชก กัณหา ชาลี จำได้ว่า ตอนเด็ก ๆ จะกลัวชูชกมาก ด้วยลีลาการฉุดกระชาก ลากถู ดุด่า และเฆี่ยนตีโอรส ธิดาของพระเวสสันดรไปตลอดทาง ข้างฝ่ายกัณหา ชาลี ก็ร้องห่มร้องไห้ สีหน้าท่าทางอันสมบทบาท ทำให้เด็กบางคนกลัวจนร้องไห้ ไม่กล้าเข้าใกล้
เสร็จจากงานบุญก็ถึงเวลาแห่งความรื่นรมย์ “เพลิดเพลิดเพลินเคยเดินด้วยกัน แทะไหมฝันดูรถไต่ถัง หยอกเย้าบนชิงช้าสวรรค์ ถ่ายรูปคู่กันกินขนมจีนข้างทาง เจาะรั้วปีนต้นไม้ แอบฟังลูกทุ่งวงดังดูหนังขายยา” เสียงเพลงงานวัด เพลงเก่า ๆ ของวงเพื่อน ดังขึ้นในมโนสำนึก กระตุ้นเตือนความทรงจำ เมื่อก่อนการได้เที่ยวงานวัดนับเป็นสวรรค์ชั้นเลิศสำหรับคนชนบท ได้กินขนมแบบพื้นบ้าน นั่งชิงช้าสวรรค์ชมวิว เชียร์ลูกพี่ลูกน้องประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง จุดยากันยุงปูเสื่อนั่งดูลิเก ดูหนังขายยา ที่เราต้องพกสตางค์ติดตัวไปสำหรับซื้อยาด้วย ไม่อย่างนั้นไม่ได้ดูหนังจนจบ ส่วนใหญ่เป็นหนังไทยและหนังจีนที่คนฉายพากย์กันสด ๆ เด็ดสุดก็คือ คนพากย์คนเดียว จะนางเอก พระเอก พ่อ แม่ คนแก่หรือเด็กก็มาจากคน ๆ เดียวนี่ล่ะ นอกจากนี้ยังมีรำวงย้อนยุค การแข่งขันกีฬาและการละเล่นอีกมากมาย วันเวลาผ่านไป งานวัดดูจะเป็นสิ่งล้าสมัย เมื่อความเจริญเข้ามาพร้อมเทคโนโลยีและความสะดวกสบาย คนหันไปเห่อเหิมห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ผับ บาร์ เกมอิเล็กทรอนิกส์ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ จนหลงลืมแก่นแท้ของตัวเอง...แต่สำหรับเรางานวัดยังเป็นสิ่งที่โหยหา แม้ว่ารูปแบบจะเปลี่ยนไปบ้างตามสมัยนิยม แต่ยังคงกลิ่นอายเดิม ลูก ๆ หลาน ๆ เร่งเร้าจะดูรำวงย้อนยุคและลิเก สลับกับหนังกลางแปลง พอเบื่อก็ไปเล่นม้าหมุน บ้านบอล ปาลูกโป่ง ยิงปืนชิงตุ๊กตา ระบายสีตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์ และที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือการแข่งเรือ ณ ลำน้ำน่าน บริเวณหน้าวัดสะกัดน้ำมันนั่นเอง
ปกติเราจะเห็นการแข่งเรือที่มีฝีพายน้อยที่สุดประมาณ ๑๒ ฝีพาย ใหญ่สุดก็ ๕๕ ฝีพาย แต่ที่นี่เป็นการแข่งเรือ ๒ ฝีพาย ผู้เข้าร่วมแข่งขันก็เป็นหนุ่มฉกรรจ์ของแต่ละหมู่บ้านในตำบลท่าโพธิ์นั่นเอง เรือที่ใช้เป็นเรืออีโปงที่ชาวบ้านใช้ในการประกอบอาชีพหาปลาในแม่น้ำ โดยวิธีการลอยข่าย ซึ่งทำกันเป็นล่ำเป็นสัน มีการจัดคิวออกเรือ แล้วนำปลาที่ได้มาขายกันในหมู่บ้าน แต่วันนี้กลางแม่น้ำไม่มีเรือลอยข่าวหาปลา มีแต่ท่วงท่าของเหล่าฝีพายหนุ่มที่จ้วงจ้ำนำเรือมุ่งเข้าสู่เส้นชัย โดยที่เรือเหล่านี้ยังคงสภาพเดิม ไม่ได้มีการตกแต่งเพิ่มเติมแต่อย่างใด เสียงของฝีพายที่ส่งสัญญาณการจ้ำ ลีลาของกองเชียร์แต่ละหมู่บ้าน ผสานกับฝีปากของนักพากย์อันดุเด็ดเผ็ดมันเรียกเสียงหัวเราะเป็นระยะ ๆ เรือบางลำล่มจมน้ำตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ สร้างความสนุกสนาน ครื้นเครง บรรดาพ่อค้าแม่ขายต่างก็สาละวนกับการลวก ตำ ทอด ปิ้ง ย่าง ฯ ช่างเป็นบรรยากาศแบบไทย ๆ อันรื่นเริงบันเทิงใจโดยแท้ การทำบุญ ไหว้พระ เที่ยวงานวัดในวันนี้ เราได้เห็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ แววตาอันสดใสไร้สิ่งปนเปื้อน ได้ฟังวาจาที่ตรงไปตรงมา ปราศจากการเสแสร้ง ได้สัมผัสความสมัครสมาน สามัคคี จากการร่วมแรงร่วมใจของคนในหมู่บ้าน และสุดท้ายได้รับความสุข สนุกสนานอันสุดแสนประทับใจ ลองปลีกเวลาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ หลบลี้ความสับสนวุ่นวาย ถอดหน้ากากและหัวโขน มาแสวงหาความสุขใสแบบไร้มลพิษ และเข้าถึงคำว่าวัฒนธรรมไทยอย่างลึกซึ้ง พรปวีณ์ ทองด้วง นักประชาสัมพันธ์ สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ตร.ภูธร.สระบุรีปล่อยแถว ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม

ตร.ภูธร.สระบุรีปล่อยแถว ตามแผนปฏิบัติการในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม (ACTION Plan) ปีงบประมาณ ปี 57 ตำรวจ.ภูธรภาค 1 ได้มีแผนตามปฏิบัติการในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม(ACTION Plan) เพื่อควบคุมสถานการณ์สร้างความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อให้ประชาชน ดำรงอยู่ได้อย่างปกติสุข
เมื่อ 21 ต.ค.56 เวลา 15.00 น. ณ ลานจอดรถ กก.สส.ภ.จว.สระบุรี พลตำรวจตรี ชลิต ปรีชาหาญ ผบก ภ.จว.สระบุรี เป็นประธานปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมตามแผน (Action Plan)มี พันตำรวจเอก สุรศักดิ์ มาอินทร์ ผกก.ฝ่ายอำนวยการ ภ.จว.สระบุรี กล่าวรายงาน พ.ต.ท.พงษ์ปกรณ์ พิพัฒน์สมพร สวป.เมืองสระบุรีเป็นผู้ควบคุมแถว ตามการสั่งการของตำรวจ.ภูธรภาค 1 ในการระดมการกวาดล้างทุกเดือนต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ดำรงอยู่ได้อย่างปกติสุข แต่ยังมีคดีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จากปัญหาเศรษฐกิจ การแพร่ระบาดของยาเสพติด และแหล่งอบายมุขต่างๆเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรม สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน ในเดือน ตุลาคม นี้ ทางตำรวจภาค1 กำหนดให้ทำการกวาดล้างอาชญากรรมพร้อมกันทุกจังหวัด ตั้งแต่ 21-30 ต.ค.56 โดยเน้นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ คดี ประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกายและเพศ คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ คดีโจรกรรมรถยนต์ และจักรยานยนต์ คดีความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิด คดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ คดีค้างเก่าตามหมายจับทุกประเภท แหล่งอบายมุข การค้ามนุษย์ เก็บดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด สำหรับกำลังตำรวจที่มาร่วมปล่อยแถวประกอบด้วยข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรสระบุรี จำนวน 200 นาย ยานพาหนะ รถยนต์15 คันและจักรยานยนต์ อีก 5 คัน
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

คณะกรรมการโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้”ตรวจเยี่ยมเยาวชนและครอบครัวอุปถัมภ์ในจังหวัดสระบุรี

วันนี้( 21 ตุลาคม 2556) เวลา 10.00 น.ที่โรงแรมเกี่ยวอัน จังหวัดสระบุรี นายอารีย์ วงศ์อารยะ รองประธานคณะกรรมการดำเนินโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ พร้อมคณะเดินทางมาในพื้นที่จังหวัดสระบุรีเพื่อตรวจเยี่ยมเยาวชนและครอบครัวอุปถัมภ์ ในพื้นที่อำเภอเมืองสระบุรี และอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ตามโครงการ สานใจไทย สู่ใจใต้ เพื่อติดตามเยี่ยมครอบครัวอุปถัมภ์ ดูสภาพความเป็นอยู่ เยี่ยมเยียนพูดคุยกับครอบครัวอุปถัมภ์และนักเรียนนักศึกษา ซึ่งได้ใช้ชีวิติอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์มาตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา มีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี และคณะ ดร. ชรัส บุญณสะ ปลัดจังหวัดสระบุรี นาย ธนพล วัฒนเวช ป้องกันจังหวัดสระบุรี นาย อภิสรรค์ สง่าศรี นายอำเภอเมืองสระบรี นายภาณุวัฒน์ เจนประเสริฐ นายอำเภอหนองแค พล.ต.ต ชลิต ปรีชาหาญ ผบก.ภ.จว.สระบุรี นายวิบูลย์ สุขอนันตธรรม นายสมาคมสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี ให้การต้อนรับ ต่อมา นายเสน่ห์ พงษ์สว่าง ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสระบุรี กล่าวแสดงความรู้สึกที่ดีที่มีโครงการ สานใจไทย สู่ใจใต้ ในรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 20 ของจังหวัดสระบุรีท่านผู้ว่าราชการฯได้มอบของที่ระลึกแก่ นายอารีย์ วงศ์อารยะและคณะตรวจเยี่ยมคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสระบุรีนำประกอบพิธี สวดดูอาร์ ขอพรจากพระเจ้า พร้อมถ่ายภาพร่วมกัน
อนึ่งหลังจากคณะเยาวชนได้มาพักกับครอบครัวอุปถัมภ์ในจังหวัดสระบุรีได้รับความกรุณาจากท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีก็ได้ให้ความใส่ใจกับความเป็นอยู่ของนักศึกษาเป็นอย่างมาก เช่น เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2556 นาย สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีพร้อมคณะ ดร. ชรัส บุญณสะ ปลัดจังหวัดสระบุรี นาย ธนพล วัฒนเวช ป้องกันจังหวัดสระบุรี นาย อภิสรรค์ สง่าศรี นายอำเภอเมืองสระบรี นายภาณุวัฒน์ เจนประเสริฐ นายอำเภอหนองแค พ.ต.ท.ไชยา พรหมวิชิตกุลรอง ผกก.สภ.หนองแค นางอารีย์ คีรีวรรณ พัฒนาการจังหวัดสระบุรี นางศุภกร เลิศประไพ วัฒนธรรมจังหวัดสระบุรี นายชัยสิทธิ์ ศิลาพร อุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี นายวิบูลย์ สุขอนันตธรรม นายสมาคมสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี ได้ออกตรวจเยี่ยมครอบครัวอุปถัมภ์ในเขตอำเภอเมืองสระบุรี 4 ครอบครัว เขตอำเภอหนองแค 6 ครอบครัว พร้อมมอบสิ่งของให้แก่เยาวชนทุกครอบครัวระหว่างการตรวจเยี่ยมอีกด้วย
สำหรับโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากดำริของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการมูลนิธิรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มูลนิธิรักษ์ไทย และมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เยาวชนมุสลิมในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ได้มีโอกาสเสริมสร้างทักษะเรียนรู้ วิสัยทัศน์ ประสบการณ์ชีวิต และพัฒนาแนวคิดให้สามารถปฏิบัติตนเป็นผู้นำที่ดีของชุมชนในอนาคต ก่อให้เกิดความคิดเชิงบวก มีความหวงแหนต่อแผ่นดินเกิดและยอมรับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติบนความหลากหลายของเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม ซึ่งจะช่วยส่งผลต่อการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้จังหวัดสระบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีส่วนร่วมกับโครงการฯ ครั้งนี้เป็นรุ่นที่ 20 ซึ่งรับเยาวชนมาอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ ในระหว่างวันที่ 10 ตุลาคม - 25 ตุลาคม 2556 มีจำนวน 20 คน อาศัยอยู่ร่วมกับครอบครัวอุปถัมภ์ ครอบครัวละ 2 คน รวม 10 ครอบครัว ซึ่งในระหว่างที่พักกับครอบครัวอุปถัมภ์ จะได้ศึกษาวิถีชีวิต วัฒนธรรมความเป็นอยู่ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี เพื่อนำไปถ่ายทอดเผยแพร่ให้กับครอบครัวและเพื่อนๆในพื้นที่ ให้ได้รับรู้ต่อไป
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

วันพยาบาลแห่งชาติ 2556 สระบุรี

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสระบุรีและโรงพยาบาลสระบุรีได้กำหนดจัดวันพยาบาลแห่งชาติขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้ วันที่ 21 ตุลาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี หรือ “สมเด็จย่า” ของปวงชนชาวไทย เป็น“วันพยาบาลแห่งชาติ” มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 การจัดงานวันพยาบาลแห่งชาติ ได้จัดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 21 ตุลาคม 2533 โดย สภาการพยาบาล ร่วมกับสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย ฯ ในฐานะตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ในประเทศไทยทุกคน เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
เมื่อ 21 ต.ค.56 เวลา 09.29 น.อาจารย์เยาวลักษณ์ มหาสิทธิวัฒน์ ผอ.วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสระบุรีได้นำ สมาชิกชมรมพยาบาล จังหวัดสระบุรี คณะพยาบาล อาจารย์ และนักศึกษาพยาบาล จัดวันพยาบาลแห่งชาติขึ้น มีการประกอบพิธีทำบุญถวายภัตตราหารเช้าแด่พระสงฆ์ จึงประกอบพีธี ถวายเครื่องราชสักการะแด่สมเด็จย่า ณ.พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี กล่าวอาศิรวาท ร้องเพลงมาร์ช พยาบาลร่วมกันเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในฐานะที่พระองค์ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อวิชาชีพการพยาบาล. เพื่อให้ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลได้ตระหนักและสำนึกในหน้าที่เยี่ยง พระกรณียกิจที่พระองค์ทรงปฏิบัติเสมอมาเป็นการเดินตามรอยพระบาทในการสร้างสรรค์สุขภาพดีถ้วนหน้าให้แก่ประชาชนและเพื่อเป็นศูนย์รวมความสามัคคีของพยาบาลทั่วประเทศ
จัดทำกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย การให้บริการตรวจสุขภาพ และให้คำปรึกษาด้านสุขภาพแก่ประชาชน นำเสนอ นวัตกรรมทางการพยาบาลของนักศึกษา ชมนิทรรศการ เทิดพระเกียรติสมเด็จย่าและนิทรรศการสุขภาพ งานกิจกรรมทันตกรรม และงานสงเคราะห์
การจัดกิจกรรมวันพยาบาลแห่งชาติของทุกปี ได้รับความร่วมมือและความสนับสนุนเป็นอย่างดียิ่งจากสมาชิกพยาบาลและผดุงครรภ์ทั่วประเทศ เนื่องเพราะพยาบาลทุกคนต่างร่วมกันตั้งปณิธานที่จะปฏิบัติภารกิจตามรอยเบื้องพระยุคลบาทตลอดไปสมกับคำขวัญ วันพยาบาลแห่งชาติที่ว่า " การพยาบาลก้าวไกล เพราะน้ำใจเหล่าพยาบาล เสียสละและบริการ ตามปณิธานสมเด็จพระบรมราชชนนี "
ยังกำหนดให้ใช้ " ดอกปีบ " เป็นสัญลักษณ์ของพยาบาลไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ . 2534 เป็นต้นมา เนื่องจาก " ดอกปีบ " เป็นดอกไม้สีขาวที่มีกลิ่นหอม ต้นปีบเป็นไม้ยืนต้น ขึ้นได้ในที่ดินแห้งแล้ง ราก ลำต้น และดอกใช้เป็นสมุนไพรได้ เปรียบกับพยาบาลในชุด สีขาวผู้พร้อมที่จะประกอบคุณงามความดี ประดุจกลิ่นหอมของดอกปีบ และพร้อมที่สร้างประโยชน์เช่นเดียวกับการเป็นสมุนไพรของ " ดอกปีบ " นั่นเอง
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556

งานประเพณี ตักบาตรข้าวต้มลูกโยน ประจำปี 2556 วัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี

องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรีและวัดพระพุทธฉาย ร่วมกับส่วนราชการทุกภาคส่วนในจังหวัดสระบุรี จัดงานประเพณีตักบาตรข้าวต้มลูกโยน ประจำปี 2556 เพื่อสืบสานประเพณี ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดสระบุรี มีพุทธศาสนิกชนร่วมงานจำนวนมาก ณ วัดพระพุทธฉาย ตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมืองสระบุรี
เมื่อ 20 ตุลาคม 56 เวลา 08.30 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเป็นประธานเปิดงาน สืบสานประเพณีตักบาตรข้าวต้มลูกโยน ประจำปี 2556 โดยมี นายเฉลิม วงษ์ไพร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรีกล่าวรายงานพร้อมกับนำผู้คณะผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสระบุรีมีหัวหน้าส่วนราชการ สำนักงาน ข้าราชการ อัยการ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง องค์กรเอกชน ที่ให้การสนับสนุนร่วมงาน
มีบรรยากาศของงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่เป็นเอกลักษณ์มีการ มีการจัดขบวนแห่ข้าวต้มลูกโยน จากส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน เคลื่อนขบวนแห่เริ่มจากโรงเรียนวัดพระพุทธฉาย ไปยังวัดพระพุทธฉาย มีการจัดแสดงเหตุการณ์จำลองที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ประกอบด้วย เทวดา นางฟ้า และการบรรเลงดนตรีไทยของนักเรียน พร้อมกับการตั้งโรงทาน ประกอบด้วย อาหารและน้ำดื่มไว้บริการแก่ประชาชนและพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงานในครั้งนี้
จากนั้น เวลา 09.00 น. จะมีการตักบาตรข้าวต้มลูกโยน ซึ่งประชาชนและพุทธศาสนิกชนร่วมพิธี โดยตักบาตรด้วยข้าวต้มลูกโยน ซึ่งมีลักษณะรูปแบบการห่อมีเอกลักษณ์โดดเด่นโดยจะไว้หางยาว เพื่อความสะดวกในการใส่บาตร ข้าวต้มลูกโยนหรือข้าวต้มหาง ทำมาจากข้าวเหนียว ซึ่งจะนำมาผัดกับกะทิคลายกับการทำข้าวต้มมัดแต่จะมีขนาดเล็กกว่า จะใส่กล้วยและถั่วดำ แล้วนำมาห่อด้วยใบจาก ใบมะพร้าว ใบอ้อย หรือใบเตย ทำเป็นกรวยม้วนพันไปจนหุ้มข้าวเหนียว โดยทิ้งชายไว้ จากนั้นจะมัดด้วยตอก ก่อนนำไปนึ่งให้สุกอีกครั้ง การทำข้าวต้มลูกโยนหรือข้าวต้มหาง จะนิยมขึ้น ในวันออกพรรษา เพื่อนำไปทำบุญตักบาตร ระลึกถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)