มท.1 รุดเยี่ยมผู้บาดเจ็บ จ่ายเงินเยียวยา เหตุสะพานแขวน 200 ปี อยุธยา ถล่ม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพร้อมคณะเดินทางตรวจจุดเกิดเหตุสะพานเคเบิ้ล คนเดินข้าม หมู่ที่5 -6 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา พังถล่ม ซึ่งเป็นสะพานลวดสลิงในชุมชนที่ประชาชนใช้สัญจรเป็นทางคนเดินและจักรยานยนต์ข้ามแม่น้ำป่าสัก ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต พร้อมมอบเงินเยียวยาขั้นต้น รุดเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ รพ. มี นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.อยุธยา นายวิทิต ปิ่นนิกร นายอำเภอ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมคณะพลตรีสู่ชัย บุญรัตน์ ผบ.จทบ.สบ. พ.อ.กัณตพจน์ เศรษฐารัศมี ผบ. ม.4 รอ. พ.ท.พงศ์ณุภา เวชชาชีวะ ที่นำกำลังทหารพร้อมเครื่องมือ เข้าดูแลพื้นที่อยู่ในพื้นที่ มี พ.อ.วรินทร ทานาค ผอ. รพ.ค่ายอดิศร สระบุรี นำทีมแพทย์ พยาบาล ตั้งจุดบริการเจ้าหน้าที่ และ ประชาชน ร่วมให้การต้อนรับ
วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556
มท.1 รุดเยี่ยมผู้บาดเจ็บ เหตุสะพานแขวน 200 ปี อยุธยา ถล่ม
มท.1 รุดเยี่ยมผู้บาดเจ็บ จ่ายเงินเยียวยา เหตุสะพานแขวน 200 ปี อยุธยา ถล่ม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพร้อมคณะเดินทางตรวจจุดเกิดเหตุสะพานเคเบิ้ล คนเดินข้าม หมู่ที่5 -6 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา พังถล่ม ซึ่งเป็นสะพานลวดสลิงในชุมชนที่ประชาชนใช้สัญจรเป็นทางคนเดินและจักรยานยนต์ข้ามแม่น้ำป่าสัก ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต พร้อมมอบเงินเยียวยาขั้นต้น รุดเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ รพ. มี นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.อยุธยา นายวิทิต ปิ่นนิกร นายอำเภอ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมคณะพลตรีสู่ชัย บุญรัตน์ ผบ.จทบ.สบ. พ.อ.กัณตพจน์ เศรษฐารัศมี ผบ. ม.4 รอ. พ.ท.พงศ์ณุภา เวชชาชีวะ ที่นำกำลังทหารพร้อมเครื่องมือ เข้าดูแลพื้นที่อยู่ในพื้นที่ มี พ.อ.วรินทร ทานาค ผอ. รพ.ค่ายอดิศร สระบุรี นำทีมแพทย์ พยาบาล ตั้งจุดบริการเจ้าหน้าที่ และ ประชาชน ร่วมให้การต้อนรับ
สะพาน 200 ปีข้างวัดสะตือ ท่าเรือ อยุธยา ถล่ม ตาย 4 เจ็บ 23
เมื่อวันที่ 28 เม.ย.56 เวลา 17.15น.ได้รับแจ้งเหตุ ศูนย์ วิทยุ 191 ว่า เกิดเหตุสะพานแขวน (เคเบิ้ล) บริเวณวัดสะตือ พุทธไสยาสน์ หมู่ 6 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา สลิงขาด ถล่มลงมา มีผู้บาดเจ็บและเสียชิวิต จำนวนมากเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นสะพานแขวนลวดสลิงข้าม ระหว่างชุมชน เพื่อให้ประชาชนสัญจร เป็นทางคนเดินและรถจักรยานยนต์ข้ามแม่น้ำป่าสัก ลวดสลิงขาดและถล่มลงมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยอยุธยา , ปอเต็กตึ้ง อยุธยา และสว่างรัตนตรัยธรรมสถาน สระบุรี จ.นครนายก.จ.ปราจีนบุรีกว่า 50 คน พร้อมทั้งทหารกว่า 200 นาย มาจากจังหวัดทหารบกสระบุรี นำโดย พ.อ.นันทวุฒิ บุญญสิทธ์ .รอง เสธฯจทบ สบ. .และ พ.ท.สมพงษ์ สุขประดิษฐ์ ผบ. พัน กองพันทหารม้าที่ 17 นำกำลัง 40 นาย เข้าช่วยเหลือ พร้อมกันนี้ พ.อ.กัณตพจน์ เศรษฐารัศมี ผบ. ม.4 รอ.ได้สั่งการให้ พ.ท.พงศ์ณุภา เวชชาชีวะ ผบ.ม.พัน11 รอ.นำกำลัง กองร้อยช่วยเหลือประชาชน มี ร.อ. วรสิทธิ์ เกตุเจริญ เป็น ผบ.ร้อย นำกำลัง เข้าสมทบ ให้ความช่วยเหลือประชาชน จากการค้นหาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ประกอบด้วย 1 ดญ. ศิริญาพร เสือสมิง อายุ 10 ปี นางเกษสินี ชบาศรี อายุ 53 ปี นายณัฐวุฒิ ใจจง อายุ 24 ปี ทั้ง 3เป็นชาว ต. ท่าหลวง ส่วน นายสามารถ ญาณปัญญา อายุ 34 ปี อ.เสาไห้สำหรับ ผู้บาดเจ็บ 23 ราย แต่อยู่รักษาตัว กระจายอยู่รพ.ใกล้เคียง 13 ราย และอยู่ระหว่างค้นหาผู้สูญหายตามที่รับแจ้งจากญาติ อีก 1 คน อย่างไรก็ตาม ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า สะพานแห่งนี้เพิ่งสร้างเสร็จไม่ถึงปีกำหนดในสัญญา เมื่อ ก.ค.55 ซึ่งจะกำหนดการสิ้นสุดสัญญาประกัน ประมาณ เดือน ก.ค.57 และเคยปิดซ่อมเพราะสาเหตุเอียงมาแล้วเมื่อ 4 เดือนก่อนและเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา เริ่มเอียง แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าซ่อมแซม จนเกิดเหตุพังถล่มดังกล่าวขึ้นเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ จักรยานยนต์เสียหายอีก 7 คัน
วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556
ครบรอบ 63 ปี พิธีราชาภิเษกสมรส .. ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
28 เมษายน พ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงเข้าพิธีราชาภิเษกสมรส กับ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
เมื่อวันศุกร์ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 ครั้นได้เวลาพระฤกษ์ คือ เวลา 10.00 นาฬิกา หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ทรงพาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ที่นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ทูลเกล้าฯ ถวายสมุดทะเบียนสมรส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย จากนั้น หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ลงนาม ซึ่งขณะนั้นมีชนมายุเพียง 17 ปี หม่อมเจ้านักขัตรมงคล จึงทรงลงพระนามในฐานะพระบิดา และหม่อมหลวงบัวลงนามในฐานะพระมารดา แล้วทรงโปรดให้ราชสักขีลงนามเป็นลำดับต่อไป
จากนั้น10.30จึงเสด็จขึ้นประทับ ณ ห้องพระราชพิธีบนพระตำหนัก เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ได้ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพแด่สมเด็จพระพันวัสสาฯ แล้วสมเด็จพระพันวัสสาฯทรงถวายน้ำพระมหาสังข์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และประทานน้ำพระมหาสังข์แด่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ตามโบราณราชประเพณี แห่งการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส จากนั้น สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงเจิมพระนลาฎพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงเจิมหน้าผากหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ตามลำดับ
หลังจากที่ทรงเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ได้เสด็จพระราชดำเนินยังห้องรับแขกอีกครั้งหนึ่ง ท่ามกลางพระบรมวงศานุวงศ์ นายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่สองแถวในห้องรับแขกของวังสระปทุม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ เป็นสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์
เมื่อจบคำประกาศของอาลักษณ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์แด่สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เนื่องในการอันเป็นมหามงคลครั้งนี้ด้วย
จากนั้นพระบรมวงศานุวงศ์และพระประยูรญาติใกล้ชิด ได้ทูลเกล้าฯถวายของขวัญแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ ซึ่งพระองค์ก็ได้พระราชทานของที่ระลึกเป็นการตอบแทน คือ หีบเงินขนาดเล็ก มีตราจักรีคล้องกันอยู่เบื้องกลางระหว่างอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภ.อ.และอักษรพระนามาภิไธยย่อ ส.ก. ก่อนจะเสด็จพระราชดำเนินกลับที่ประทับ
ครั้นได้เวลาพระฤกษ์ คือ เวลา 15.30 นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เสด็จออก ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง ประทับเหนือพระราชอาสน์ พระบรมวงศานุวงศ์ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อได้เวลามหามงคลฤกษ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระชัยนาทนเรนทร ทรงรับฉันทานุมัติให้กล่าวถวายพระพรในนามของพระบรมวงศานุวงศ์
และจากพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทั้งสองพระองค์ก็เสด็จพระราชดำเนินต่อไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ซึ่งมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี รอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรอยู่ เมื่อกล่าวจบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์เสด็จขึ้น ชาวพนักงานประโคมแตร และกลองมโหระทึก ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี
เมื่อเสร็จการพระราชพิธีแล้ว สมเด็จพระราชินีได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันรุ่งขึ้นซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 29 เมษายน พุทธศักราช 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานโดยทางรถไฟไปยังพระราชวังไกลกังวล หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบถ เป็นเวลา 5 วัน
ขอทั้ง ๒ พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
http://www.oknation.net/blog/nfedlion/2013/04/28/entry-1
เรวัติ น้อยวิจิตร สุพรรณอินชัวร์ดอทคอม rewat.noyvijit@hotmail.com 081-9107445
วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556
พล.ม.2.รอ. จัดพิธีสวนสนามอำลาธงชัยเฉลิมพลและผู้บังคับบัญชา
พิธีสวนสนามอำลาธงชัยเฉลิมพลและผู้บังคับบัญชาของทหารกองประจำการ พล.ม. 2 รอ. จ.สระบุรี
กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2.รอ.) จัดพิธีสวนสนามอำลาธงชัยเฉลิมพลและผู้บังคับบัญชาให้กับทหารกองประจำการ(พื้นที่ จ. สระบุรี) มี พ.อ.ศักดา เนียมคำ รองผบ.พล.ม. 2 รอ.เป็นประธานในพิธีพร้อมกับพบปะให้โอวาท โดยมี พ.อ.กันตพจน์ เศรษฐารัศมี ผบ.ม.4 รอ.นำคณะนายทหารนายสิบและพลทหารร่วมต้อนรับ ณ.สนามบิน ร้อย.ม.(อ) ที่ 1 ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี
พิธีวางพวงมาลา วันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
พิธีสรงน้ำพระวันสงกรานต์สืบสานประเพณี วัดพระพุทธบาทฯ สระบุรี
จังหวัดสระบุรีจัดพิธีสรงน้ำพระวันสงกรานต์สืบสานประเพณี วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร จ.สระบุรี
นายกฯอบจ.สระบุรีสนับสนุนทุ่มงบประมาณอุดหนุนโครงการการศึกษาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา พร้อม จัดกิจกรรมสรงน้ำพระวันสงกรานต์ สืบสานประเพณี มีพระธรรมปิฎกเจ้าคณะจังหวัดสระบุรีเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเป็นประธานในพิธี นำคณะนายอำเภอข้าราชการ หน.ส่วนราชการ พนักงาน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนเข้าร่วมพิธี ณ.ศาลาอบรมพระสงฆ์เฉลิมพระเกียรติ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อ.พระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556
ตร.อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี จัดพิธี สรงน้ำพระ ขอพร นายตำรวจอาวุโส สืบสานประเพณีสงกรานต์
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)