วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

สระบุรี ผู้ว่าฯเร่งหาสาเหตุปลาตาย หลัง นายกฯมีบัญชาให้เร่งช่วยเหลือชาวบ้าน




             ผู้ว่าฯสระบุรีเรียกประชุมทหาร ตำรวจ ปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาต้นเหตุปลาแม่น้ำป่าสักและปลาเลี้ยงในกระชังตาย  หลังนายกรัฐมนตรีมีบัญชาให้ดำเนินการหาสาเหตุและเร่งช่วยเหลือประชาชน




               จากกรณีที่มีสัตว์น้ำในแม่น้ำป่าสักและปลาเลี้ยงในกระชังของชาวบ้านได้ตายจำนวนมากโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งในเขตอำเภอแก่งคอย  อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเมือง และอำเภอเสาไห้ โดยปลาเริ่มลอยคอขึ้นเหนือน้ำเพื่อหาอากาศหายใจ  และตายในที่สุด แม้ทหารจากจังหวัดทหารบกและศูนย์การทหารม้าจะส่งกำลังพลไปช่วยขนปลาเพื่อนำขึ้นจากกระชังปลาแต่ก็ไม่ทันการ ทำให้ปลาส่วนใหญ่เป็นปลาทับทิมที่เลี้ยงไว้ตายหลายร้อยกระชังในลำน้ำป่าสักตายจำนวนมาก โดยเบื้องต้นมีมูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 35 ล้านบาท  และหลังจากเกิดเหตุนายวิเชียร พุฒิวิญญู ผวจ.สระบุรี ได้ลงไปตรวจสภาพน้ำและเขตอำเภอเมืองสระบุรี และอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรีได้นำเครื่องไปวัดค่า DO หรือค่าออกซิเจนมีเพียง 0.86 เท่านั้น ขณะที่ค่ามาตรฐานค่า DO  หรือออกซิแจนทั่วไปต้องไม่ต่ำกว่า 3 พร้อมกับเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดจังหวัดสระบุรีได้เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจ



              ล่าสุดเมื่อเช้าวันนี้ ( 7 เมษายน 2558 )  ที่ห้องประชุม POC นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผวจ.สระบุรี พร้อมด้วยผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสระบุรี รองผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า  หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้ประชุมร่วมกัน หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาสาเหตุของปลาตายในครั้งนี้ และให้เยียวยาช่วยเหลือประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน  โดยล่าสุดเตรียมประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ




               จากนั้น นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผวจ.สระบุรี นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่อำเภอวังม่วง และอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรีเพื่อตรวจสอบและติดตามความคืบหน้ากรณีป่าในกระชังของเกษตรในพื้นที่จังหวัดสระบุรีตายโดยผู้ว่าราชการจังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบโงงานอุตสาหกรรมในเขตพื้นที่ที่สงสัยว่ามีการปล่อยสารเคมีลงในแม่น้ำป่าสัก จากการลงพื้นทีในจุดแรกคือโรงงานในพื้นที่อำเภอวังม่วง เพื่อดูระบบการบำบัดและการบริหารจัดการของโรงงานจากการลงตรวจสอบพบว่าบ่อบำบัดน้ำเสียมีลักษณะน้ำเป็นสีดำและมีกลิ่นเหม็น  จึงให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบ และเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบจากนั้นได้เดินทางไปยังโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่อำเภอแก่งคอยอีกจำนวน 3 โรง เพื่อเก็บตัวอย่างน้ำและดำเนินการตรวจสอบต่อไป





(คนธรรมดา  ม้าตัวเดียว)
เรวัติ น้อยวิจิตร  hub admin  rewat.noyvijit@hotmail.com  08-1910-7445

2 ความคิดเห็น:

  1. 1.คดีแพ่งที่การกระทำตามคำฟ้องก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์อันเนื่องมาจากการทำลายหรือเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมของชุมชน หรือระบบนิเวศ
    2.คดีแพ่งที่โจทก์มีคำขอให้จำเลยกระทำการหรืองดเว้นกระทำการเพื่อคุ้มครองรักษาทรัพยากรธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อมของชุมชน
    3.คดีแพ่งที่โจทก์มีคำขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหายเพื่อขจัดมลพิษที่เกิดขึ้น หรือฟื้นฟูสภาพแวดล้อม หรือเพื่อมูลค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่เสียไป
    4.คดีแพ่งที่มีคำขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพ อนามัย หรือสิทธิใดๆ ของโจทก์ อันเกิดจากมลพิษที่จำเลยเป็นผู้ก่อหรือต้องรับผิด

    ตอบลบ