วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

มท.1 รุดเยี่ยมผู้บาดเจ็บ เหตุสะพานแขวน 200 ปี อยุธยา ถล่ม

มท.1 รุดเยี่ยมผู้บาดเจ็บ จ่ายเงินเยียวยา เหตุสะพานแขวน 200 ปี อยุธยา ถล่ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพร้อมคณะเดินทางตรวจจุดเกิดเหตุสะพานเคเบิ้ล คนเดินข้าม หมู่ที่5 -6 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา พังถล่ม ซึ่งเป็นสะพานลวดสลิงในชุมชนที่ประชาชนใช้สัญจรเป็นทางคนเดินและจักรยานยนต์ข้ามแม่น้ำป่าสัก ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต พร้อมมอบเงินเยียวยาขั้นต้น รุดเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ รพ. มี นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.อยุธยา นายวิทิต ปิ่นนิกร นายอำเภอ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมคณะพลตรีสู่ชัย บุญรัตน์ ผบ.จทบ.สบ. พ.อ.กัณตพจน์ เศรษฐารัศมี ผบ. ม.4 รอ. พ.ท.พงศ์ณุภา เวชชาชีวะ ที่นำกำลังทหารพร้อมเครื่องมือ เข้าดูแลพื้นที่อยู่ในพื้นที่ มี พ.อ.วรินทร ทานาค ผอ. รพ.ค่ายอดิศร สระบุรี นำทีมแพทย์ พยาบาล ตั้งจุดบริการเจ้าหน้าที่ และ ประชาชน ร่วมให้การต้อนรับ เมื่อ 29 เม.ย.56 เวลา 09.30 น. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะเดินทางตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ สะพานเคเบิ้ล ถล่ม พร้อมกับจ่ายเงินค่าเยียวยาเบื้องต้นให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย โดยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การช่วยเหลือทายาท ผู้เสียชีวิตเบื้องต้น รายละ25,000บาท หลังจากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ รพ.ท่าเรือ และ รพ.พระนครศรีอยุธยา โดยกาชาด จ.พระนครศรีอยุธยา ช่วยเหลือเบื้องต้นรายละ 3,000 บาท พร้อมกับตั้งคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นและแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการเกิดเหตุดังกล่าวฯ ขณะนี้ไม่มีผู้สูญหายที่ญาติได้แจ้งไว้ขณะนี้พบตัวแล้ว สำหรับผู้บาดเจ็บที่ต้องรักษาตัวอยู่ที่ รพ. จำนวน 10 ราย มี รพ.บ้านหมอ จำนวน 2 ราย ได้แก่ 1.นายสมภพ ศรีสุวรรณ อายุ 61 ปี มีอาการข้อมือหัก 2.นายนเรศ นิรันดร์สุข อายุ 43 ปี สะโพกหัก ต้องส่งต่อ รพ.พระพุทธบาท จ.สระบุรีทั้ง2คน และมีผู้บาดเจ็บที่ส่ง รพ.ท่าเรือ จำนวน 8 ราย มี 1.ด.ญ.กุสุมา มาคุณ อายุ 10 ปี มีอาการกระดูกต้นขาหัก ต้องส่งต่อ รพ.สระบุรี 2.ด.ญ.สุธิดา ลัดดาอ่อน อายุ 10 ปี มีเลือดออกในช่องท้องต้องส่งต่อ รพ.อยุธยา 3.น.ส.สุวนัน พวงทอง อายุ 17 ปี มีอาการทางสมอง ส่งต่อ รพ.อยุธยา 4.น.ส.กกุติยา สมอาจ อายุ 20 ปี มีอาการกระดูกต้นขาขวาหัก ต้องส่งต่อ รพ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี 5.น.ส.รุ่งนภา แก้วสิทธิ์ อายุ 32 ปี กระดูกซี่โครงหักต้องส่งต่อ รพ มิตรภาพ สระบุรี 6.นายจักรกฤษ แก่นวงษ์ อายุ 36 ปี กล้ามเนื้ออักเสบ ญาติได้นำรักษาตัวที่ รพ.เกษมราษร์ สระบุรี สำหรับรายที่ 7 น.ส.ดวงแข นิรันดร์สุข อายุ 39 ปี กล้ามเนื้ออักเสบ และ8.นางสุดานดา ขุนช้าง อายุ32 ปี มีอาการแผลฉีกขาดที่ข้อเท้า ยังคงรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ท่าเรือ จ.อยุธยา สำหรับผู้บาดเจ็บที่ต้องย้ายเข้ารักษาตัวใน จังหวัดสระบุรี นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีได้เดินทางไปเยี่ยม และช่วยเหลือเบื้องต้นเช่นกัน อนึ่งสำหรับรถจักรยานยนต์ที่พบในที่เกิดเหตุและนำไปไว้ที่ สภ.ท่าเรือ มีจำนวน 10 คันรอเจ้าของนำหลักฐานมารับไปได้แก่ รถจยย.ฮอนด้า ทะเบียน กพธ.407 สระบุรี,ยามาฮ่า ขจต.923 สระบุรี ,ฮอนด้า.ขจย.376 สระบุรี ฮอนด้า ข.6302 อย.,ฮอนด้า,ขธท.5701 สระบุรี, ฮอนด้าขคษ.713.อย. กจก 577 อย.กจธ 817 สระบุรี ,จกม.996 ชลบุรีและรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีแดง-ข่าว ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน (คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

สะพาน 200 ปีข้างวัดสะตือ ท่าเรือ อยุธยา ถล่ม ตาย 4 เจ็บ 23

เมื่อวันที่ 28 เม.ย.56 เวลา 17.15น.ได้รับแจ้งเหตุ ศูนย์ วิทยุ 191 ว่า เกิดเหตุสะพานแขวน (เคเบิ้ล) บริเวณวัดสะตือ พุทธไสยาสน์ หมู่ 6 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา สลิงขาด ถล่มลงมา มีผู้บาดเจ็บและเสียชิวิต จำนวนมากเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นสะพานแขวนลวดสลิงข้าม ระหว่างชุมชน เพื่อให้ประชาชนสัญจร เป็นทางคนเดินและรถจักรยานยนต์ข้ามแม่น้ำป่าสัก ลวดสลิงขาดและถล่มลงมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยอยุธยา , ปอเต็กตึ้ง อยุธยา และสว่างรัตนตรัยธรรมสถาน สระบุรี จ.นครนายก.จ.ปราจีนบุรีกว่า 50 คน พร้อมทั้งทหารกว่า 200 นาย มาจากจังหวัดทหารบกสระบุรี นำโดย พ.อ.นันทวุฒิ บุญญสิทธ์ .รอง เสธฯจทบ สบ. .และ พ.ท.สมพงษ์ สุขประดิษฐ์ ผบ. พัน กองพันทหารม้าที่ 17 นำกำลัง 40 นาย เข้าช่วยเหลือ พร้อมกันนี้ พ.อ.กัณตพจน์ เศรษฐารัศมี ผบ. ม.4 รอ.ได้สั่งการให้ พ.ท.พงศ์ณุภา เวชชาชีวะ ผบ.ม.พัน11 รอ.นำกำลัง กองร้อยช่วยเหลือประชาชน มี ร.อ. วรสิทธิ์ เกตุเจริญ เป็น ผบ.ร้อย นำกำลัง เข้าสมทบ ให้ความช่วยเหลือประชาชน จากการค้นหาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ประกอบด้วย 1 ดญ. ศิริญาพร เสือสมิง อายุ 10 ปี นางเกษสินี ชบาศรี อายุ 53 ปี นายณัฐวุฒิ ใจจง อายุ 24 ปี ทั้ง 3เป็นชาว ต. ท่าหลวง ส่วน นายสามารถ ญาณปัญญา อายุ 34 ปี อ.เสาไห้สำหรับ ผู้บาดเจ็บ 23 ราย แต่อยู่รักษาตัว กระจายอยู่รพ.ใกล้เคียง 13 ราย และอยู่ระหว่างค้นหาผู้สูญหายตามที่รับแจ้งจากญาติ อีก 1 คน อย่างไรก็ตาม ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า สะพานแห่งนี้เพิ่งสร้างเสร็จไม่ถึงปีกำหนดในสัญญา เมื่อ ก.ค.55 ซึ่งจะกำหนดการสิ้นสุดสัญญาประกัน ประมาณ เดือน ก.ค.57 และเคยปิดซ่อมเพราะสาเหตุเอียงมาแล้วเมื่อ 4 เดือนก่อนและเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา เริ่มเอียง แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าซ่อมแซม จนเกิดเหตุพังถล่มดังกล่าวขึ้นเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ จักรยานยนต์เสียหายอีก 7 คัน เดิมสะพานแห่งนี้เป็นสะพานเหล็กสร้าง มาตั้งแต่ ปี 2525 ในวาระฉลองกรุงรัตน์โกสินธิ์ ครบ 200ปี พึ่งมีการรื้อถอนแล้วสร้างใหม่เป็นสะพานแขวน (เคเบิ้ล ) แต่ยังใช้ชื่อเดิมอยู่ งบประมาณ ปี 54 จาก อบจ.อย .และงบเทศบาลต.ท่าหลวง วงเงินก่อสร้าง 8290,000 บาท กว้างประมาณ 2.20 เมตร ยาว 111 เมตร สัญญา รับประกันเมื่อ 23 ก.ค.55สิ้นสุด 23 ก.ค.57 คนธรรมดา ม้าตัวเดียว;

วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

ครบรอบ 63 ปี พิธีราชาภิเษกสมรส .. ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

28 เมษายน พ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงเข้าพิธีราชาภิเษกสมรส กับ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันศุกร์ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 ครั้นได้เวลาพระฤกษ์ คือ เวลา 10.00 นาฬิกา หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ทรงพาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ที่นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ทูลเกล้าฯ ถวายสมุดทะเบียนสมรส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย จากนั้น หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ลงนาม ซึ่งขณะนั้นมีชนมายุเพียง 17 ปี หม่อมเจ้านักขัตรมงคล จึงทรงลงพระนามในฐานะพระบิดา และหม่อมหลวงบัวลงนามในฐานะพระมารดา แล้วทรงโปรดให้ราชสักขีลงนามเป็นลำดับต่อไป จากนั้น10.30จึงเสด็จขึ้นประทับ ณ ห้องพระราชพิธีบนพระตำหนัก เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ได้ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพแด่สมเด็จพระพันวัสสาฯ แล้วสมเด็จพระพันวัสสาฯทรงถวายน้ำพระมหาสังข์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และประทานน้ำพระมหาสังข์แด่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ตามโบราณราชประเพณี แห่งการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส จากนั้น สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงเจิมพระนลาฎพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงเจิมหน้าผากหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ตามลำดับ หลังจากที่ทรงเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ได้เสด็จพระราชดำเนินยังห้องรับแขกอีกครั้งหนึ่ง ท่ามกลางพระบรมวงศานุวงศ์ นายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่สองแถวในห้องรับแขกของวังสระปทุม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ เป็นสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เมื่อจบคำประกาศของอาลักษณ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์แด่สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เนื่องในการอันเป็นมหามงคลครั้งนี้ด้วย จากนั้นพระบรมวงศานุวงศ์และพระประยูรญาติใกล้ชิด ได้ทูลเกล้าฯถวายของขวัญแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ ซึ่งพระองค์ก็ได้พระราชทานของที่ระลึกเป็นการตอบแทน คือ หีบเงินขนาดเล็ก มีตราจักรีคล้องกันอยู่เบื้องกลางระหว่างอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภ.อ.และอักษรพระนามาภิไธยย่อ ส.ก. ก่อนจะเสด็จพระราชดำเนินกลับที่ประทับ ครั้นได้เวลาพระฤกษ์ คือ เวลา 15.30 นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เสด็จออก ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง ประทับเหนือพระราชอาสน์ พระบรมวงศานุวงศ์ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อได้เวลามหามงคลฤกษ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระชัยนาทนเรนทร ทรงรับฉันทานุมัติให้กล่าวถวายพระพรในนามของพระบรมวงศานุวงศ์ และจากพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทั้งสองพระองค์ก็เสด็จพระราชดำเนินต่อไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ซึ่งมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี รอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรอยู่ เมื่อกล่าวจบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์เสด็จขึ้น ชาวพนักงานประโคมแตร และกลองมโหระทึก ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เมื่อเสร็จการพระราชพิธีแล้ว สมเด็จพระราชินีได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันรุ่งขึ้นซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 29 เมษายน พุทธศักราช 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ ได้เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานโดยทางรถไฟไปยังพระราชวังไกลกังวล หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบถ เป็นเวลา 5 วัน ขอทั้ง ๒ พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน http://www.oknation.net/blog/nfedlion/2013/04/28/entry-1 เรวัติ น้อยวิจิตร สุพรรณอินชัวร์ดอทคอม rewat.noyvijit@hotmail.com 081-9107445

วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

พล.ม.2.รอ. จัดพิธีสวนสนามอำลาธงชัยเฉลิมพลและผู้บังคับบัญชา

พิธีสวนสนามอำลาธงชัยเฉลิมพลและผู้บังคับบัญชาของทหารกองประจำการ พล.ม. 2 รอ. จ.สระบุรี กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2.รอ.) จัดพิธีสวนสนามอำลาธงชัยเฉลิมพลและผู้บังคับบัญชาให้กับทหารกองประจำการ(พื้นที่ จ. สระบุรี) มี พ.อ.ศักดา เนียมคำ รองผบ.พล.ม. 2 รอ.เป็นประธานในพิธีพร้อมกับพบปะให้โอวาท โดยมี พ.อ.กันตพจน์ เศรษฐารัศมี ผบ.ม.4 รอ.นำคณะนายทหารนายสิบและพลทหารร่วมต้อนรับ ณ.สนามบิน ร้อย.ม.(อ) ที่ 1 ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี เมื่อ 25 เม.ย.56 เวลา 15.00 น. พ.อ.ศักดา เนียมคำ รองผบ.พล.ม.2.รอ.พร้อมคณะเดินทางเป็นประธานในพิธีสวนสนามอำลาธงชัยเฉลิมพลและผู้บังคับบัญชาของทหารกองประจำการ พล.ม.2 รอ.(พื้นที่ จ. สระบุรี) มี จำนวน 2 กรม 8 กองพัน จำนวน 500 นาย ผู้แทนทหารกองประจำการ ประจำปี 2554 ผลัดที่ 1 ได้กล่าวนำปฏิญาณตนต่อหน้าธงชัยเฉลิมพล โดย มี ร.อ.พีระพงษ์ พินิจรัตนพันธ์ เป็น ผบ.กองผสม พ.อ.ศักดา เนียมคำ รองผบ.พล.ม. 2 รอ. กล่าวให้โอวาทว่า เพื่อนทหารทั้งหลายได้มารับราชการตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการรับราชการทหาร จนครบกำหนดและจะพ้นหน้าที่ในกองประจำการตั้งแต่ 1 พ.ค.56 นี้ นับว่าเป็นการเสียสละอย่างสูงสุดของลูกผู้ชายที่ได้รับใช้แผ่นดินอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของตน ซึ่งน้อยคนนักจะได้มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่นี้เยี่ยงท่านนับเป็นเกียรติประวัติที่น่าภูมิใจ แก่ตนเองเป็นอย่างยิ่ง การประกอบพิธี สวนสนามอำลาธงชัยเฉลิมพลและผู้บังคับบัญชาในวันนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อให้เพื่อนทหารทั้งหลายได้มีโอกาสกล่าวคำอำลาผู้บังคับบัญชาต่อหน้าธงชัยเฉลิมพล อันเป็นสัญลักษณ์ของชาติที่มีเอกราชและอธิปไตยมาช้านานเป็นหลักชัยของกองทัพอีกทั้งเพื่อเตือนระลึกถึงอดีตว่า บรรพบุรุษของเราได้สร้างวีรกรรม เอาเลือดเนื้อ ชีวิตและความลำบากยากเข็ญ เข้าแลกเอาไว้ เพื่อให้แผ่นดินนี้เป็นมรดกตกทอดถึงลูกหลานไทยจนถึงทุกวันนี้ จึงเป็นหน้าที่ ที่พวกเราทุกคนจะต้องรักษาแผ่นดินนี้ต่อไปชั่ว นิรันดร์ พึงระลึกเสมอว่าภาระหน้าที่ในการรับใช้ชาติ มิได้หมดสิ้นไปในฐานะทหาร หากประเทศจำเป็นที่ต้องเกิดศึกสงคราม ในฐานะทหารกองหนุนจะต้องกับมารับใช้ชาติอีก จงนำความรู้และประสบการณ์ที่ดี นำไปเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวและสังคม ประพฤติตนตามหน้าที่ เป็นแบบอย่างที่ดีของประชาชน เป็นพลเมืองที่ดี มีคุณธรรม ประกอบอาชีพสุจริต และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำตนให้สมกับที่ได้กล่าวปฏิญาณตนต่อหน้าธงชัยเฉลิมพล (คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

พิธีวางพวงมาลา วันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

จังหวัดสระบุรีจัดพิธีวางพวงมาลา วันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีนำพสกนิกรชาวสระบุรีร่วมพิธีวางพวงมาลาสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มี พ.อ.กันตพจน์ เศรษฐารัศมี ผบ.ม.4 รอ.และคณะให้การต้อนรับ ณ.กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ อ.เมือง จ.สระบุรี เมื่อ 25 เม.ย.56 เวลา 08.29 น. นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ได้นำ ข้าราชการพลเรือน ตุลาการ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง และประชาชนชาวจังหวัดสระบุรีทุกหมู่เหล่า พร้อมใจกันแสดงความกตัญญูกตเวทีจัดพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะและถวายราชสดุดีเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระองค์ ที่ทรงมีต่อชาติไทยและประชาชนชาวไทย โดยที่ วันที่ 25 เมษายน ของทุกปี เป็นวัน คล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทั้งนี้พระองค์ได้ทำสงครามเข้าไปในประเทศที่เป็นข้าศึกของไทย ในทุกทิศทาง จนประเทศไทยอยู่เป็นปกติสุข ปราศจากศึกสงคราม เป็นระยะเวลายาวนาน พระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ทั้งสิ้นทั้งปวงของพระองค์ เป็นไปเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและคนไทยทั้งมวล ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ จะอยู่ในสนามรบและชนบทโดยตลอด มิได้ว่างเว้น แม้แต่เมื่อเสด็จสวรรคต ก็เสด็จสวรรคตในระหว่างเดินทัพไปปราบศัตรูของชาติไทย นับว่าพระองค์ได้ทรงสละพระองค์ เพื่อชาติบ้านเมืองโดยสิ้นเชิง สมควรที่ชาวไทยรุ่นหลังต่อมา ได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ และจดจำวีรกรรมของพระองค์ ไปตราบชั่วกาลนาน (คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

พิธีสรงน้ำพระวันสงกรานต์สืบสานประเพณี วัดพระพุทธบาทฯ สระบุรี

จังหวัดสระบุรีจัดพิธีสรงน้ำพระวันสงกรานต์สืบสานประเพณี วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร จ.สระบุรี นายกฯอบจ.สระบุรีสนับสนุนทุ่มงบประมาณอุดหนุนโครงการการศึกษาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา พร้อม จัดกิจกรรมสรงน้ำพระวันสงกรานต์ สืบสานประเพณี มีพระธรรมปิฎกเจ้าคณะจังหวัดสระบุรีเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเป็นประธานในพิธี นำคณะนายอำเภอข้าราชการ หน.ส่วนราชการ พนักงาน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนเข้าร่วมพิธี ณ.ศาลาอบรมพระสงฆ์เฉลิมพระเกียรติ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อ.พระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เมื่อ 24 เม.ย. 56 เวลา11.00 น. นายเฉลิม วงษ์ไพร นายก อบจ.สระบุรี นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงานอาสาสมัครสาธารณสุขและประชาชนจัดกิจกรรมถวายภัตตาหารเพล แด่พระราชาคณะ พระสังฆาธิการ พระภิกษุสงฆ์ 179 รูป ณ.โรงเจ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร และถวายเงินอุดหนุนการศึกษาตามโครงการการศึกษาของพระภิกษุสงฆ์ สามเณร นักเรียนและประชาชนที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาจำนวน 5000,000 บาทโดยมีนายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานในพิธีจุดธูปเทียน นำกล่าวขอขมาพระรัตนตรัยพร้อมนำคณะรองฯผวจ.สระบุรี นายอำเภอ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสระบุรี หน.ส่วนราชการ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชนทั่วไปร่วมพิธีสรงน้ำพระสงฆ์ 109 รูป มีพระธรรมปิฎก เจ้าคณะจังหวัดสระบุรีเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ (คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

ตร.อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี จัดพิธี สรงน้ำพระ ขอพร นายตำรวจอาวุโส สืบสานประเพณีสงกรานต์

ข้าราชการตำรวจอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ร่วมใจ จัดพิธีสรงน้ำพระ ขอพรผู้กำกับ สืบสานประเพณีสงกรานต์ มีคณะข้าราชการตำรวจ ประชาชน ร่วมงาน ณ.บริเวณ สนามหน้า สภ.อำเภอเฉลิมพระเกียรติ เมื่อ 23 เม.ย.56 เวลา 15.00 น. พ.ต.อ.นรงค์ แสวงจิตร์ ผกก. สภ.อำเภอเฉลิมพระเกียรติ เป็นประธานในพิธีสรงน้ำพระ รดน้ำขอพร ผู้ใหญ่ มี พ.ต.ท.วิเชียร จับบาง รอง.ผกก.ป.สภ. เฉลิมพระเกียรติ นำ คณะข้าราชการตำรวจ ประชาชนในพื้นที่ ร่วมกัน สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวขอพร จาก ผกก และนายตำรวจอาวุโส ประจำ สภ.เฉลิมพระเกียรติ ตามประเพณี สงกรานต์ สืบสานวัฒนธรรมอันดีงาม (คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)