วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

กลุ่มพลังมวลชนสระบุรี 3000 คน รวมตัวต่อต้าน รัฐบาล ขับไล่ ผู้ว่าสระบุรี

กลุ่มพลังมวลชนสระบุรี รวมตัวต่อต้านรัฐบาลขับไล่ผู้ว่าสระบุรีเป็นวันที่ 3ผู้ชุมนุมยังคงยอดเพิ่มพร้อมอุปกรณ์สนับสนุนไร้ต้าน เมื่อ 28 พ.ย. เวลา 15.00 น.กลุ่มมวลชน ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสระบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง ได้เดินทาง พร้อมเครื่องขยายเสียง อุปกรณ์ สนับสนุน อาหารเครื่องดื่ม เข้าร่วมสมทบยอดทะลุ 3 000 คน ร่วมต้าน บนถนนพิชัยรณรงค์สงคราม ด้านหน้าศาลากลาง โดยมีพล.ต.ต.ชลิต ปรีชาหาญ ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ วงษ์มณีเทศ ผกก.สระบุรีนำกำลัง เจ้าหน้าตำรวจและฝ่ายปกครองกว่า 100 นาย เข้ามารักษาความสงบเรียบร้อย ภายในศาลากลางโดยได้ปิดประตูศาลากลางทุกด้านเพื่อไม่ให้มวลชนเข้าไปชุมนุมภายในเขต รั้วศาลากลางแต่ ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักกันบนถนนพิชัยฯหน้าศาลากลางสระบุรี ร่วมกันเป่านกหวีด ชูมือตบ โบกธงชาติไทย ผลัดกันกันขึ้น ปราศรัยโจมตี มีนักเรียนนักศึกษาเดินทางเข้าร่วมสลับกันขึ้นเวที ที่ใช้รถยนต์กระบะเปิดท้ายและด้านข้าง เป็นเวทีชั่วคราวพร้อมป้ายข้อความ โจมตีการบริหารงานของรัฐบาลและ ขับไล่ผู้ว่าราชการวางตัวไม่เป็นกลาง ยังฝักใฝ่ให้การสนับสนุนกลุ่ม นปช.สระบุรี อีก
พร้อมนัดกันไปรวมตัวต่อต้านการประชุมการบริหารจัดการน้ำ 3.5แสนล้านที่ วิทยาลัยสารพัดช่างในวันพรุ้งนี้ ที่ 29 พ.ย.เวลา 07.00น.ว่าและรวมตัวกันที่เดิมอีกครั้งในวันที่ 29 พ.ย.56เวลา 1500 น. สลายตัวในเวลา 21.50 น.
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

ประชุมรับฟังความคิดเห็น ปชช. คก.บริหารจัดการน้ำ3.5 แสนล้าน จ.สระบุรี

ประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนโครงการบริหารจัดการน้ำ3.5 แสนล้าน จ.สระบุรี จังหวัดสระบุรีจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจัดการน้ำ3.5 แสนล้าน มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 1,800 คนโดยมีอีกกลุ่ม เป่านกหวีด ต่อต้านโครงการฯ ณ ห้องประชุมวิทยาลัยสารพัดช่าง จ.สระบุรี
เมื่อ 29 พ.ย.56 เวลา 09.30น. จังหวัดสระบุรี ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และสำนักนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (สบอช.) สำนักนายกรัฐมนตรี จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผวจ.สระบุรี เป็นประธานการประชุม ช่วงบ่าย ได้แบ่งผู้เข้าร่วมประชุมเข้าประชุมกลุ่มย่อย นำผลสรุปในที่ประชุมมานำเสนอในที่ประชุมใหญ่ ในการประชุมย่อยมีผู้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเมือง จนเกิดการโต้เถียงความคิดเห็นเรื่องน้ำกันภายในกลุ่ม ระหว่าง นายตี๋ ตรัยรัตนแสงมณี อดีตแกนนำกลุ่มคัดค้านโรงไฟฟ้ากับ ตัวแทนคนเสื้อแดง ที่สนับสนุนโครงการฯ ซึ่งได้แสดงความคิดเห็นหลายครั้ง โดยอ้างประเด็นว่า เวทีแห่งนี้ไม่ได้เปิดโอกาสให้
ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นอย่างแท้จริง อีกทั้ง ในการบริหารจัดการน้ำนั้น ส่อไปในทางทุจริต ไม่มีความชัดเจนในโครงการ เป็นการใช้งบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ไม่ควรมีโครงการจัดการบริหารจัดการน้ำ ควรให้น้ำไหลเป็นไปตามธรรมชาติ เหมือนเช่นในอดีต พื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัยจะไม่เป็นวงกว้างเหมือนเช่นปัจจุบันในการปรับปรุงคลอง ไม่มีมีการวางแผนการบริหารจัดการน้ำ เช่น เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อการเกษตร แต่กลับนำน้ำไปใช้ในทางอุตสาหกรรม อีกทั้ง ในหลายพื้นที่ของ จ.สระบุรี ประสบปัญหาน้ำในคลองเน่าเสีย โรงงานอุตสาหกรรมปล่อยสารเคมีลงสู่แหล่งน้ำ
ในขณะเดียวกันมีกลุ่มต่อต้านโครงการฯที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมประมาณ 70 คน นำโดยนายทิสาปราโมกข์ ปรึกษากิ่ง ประธานกลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำป่าสักสระบุรี ได้มีการชูป้ายคัดค้าน เป่านกหวีด โบกธงชาติไทยแจกแถลงการณ์คัดค้าน จากนั้น นางศิวพร บุตรกนิษฐ์ เลขาฯ กลุ่มอนุรักษ์ลุ่มน้ำป่าสัก เป็นตัวแทนยื่นหนังสือคัดค้านต่อ นายไชยวัฒน์ ดุสิตพานิช ผอ.สบอช จึงได้ ยุติการชุมนุม เพื่อ จะไปชุมนุมที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสระบุรี เพื่อต่อต้านรัฐบาลและขับไล่ ผู้ว่าฯสระบุรี ในเวลา 16.00 น.ตามที่ได้นัดหมายไว้ คณะผู้จัดจึงได้ประกาศยุติเวที ทำให้เวทีประชุมรับฟังแสดงความคิดเห็น จ.สระบุรี ต้องยุติในเวลา 14.10 น. คนธรรมดา ม้าตัวเดียว

2วันกลุ่มพลังมวลชนสระบุรี รวมตัวต่อต้านรัฐบาลขับไล่ผู้ว่าสระบุรียอดเพิ่ม

หลังผู้ว่าฯสระบุรีได้กำลังใจจากตัวแทน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นและกลุ่มคนเสื้อแดงทำให้ยอดมวลชนที่ต่อต้านรัฐขับไล่ เพิ่มเป็น 2 เท่า เมื่อ 27 พ.ย. เวลา 16.00 น.กลุ่มมวลชน ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสระบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง ทราบข่าวการ ให้กำลังใจจากกลุ่มคนเสื้อแดง มวลชนได้เดินทาง พร้อมเครื่องขยายเสียง เข้าร่วมสมทบยอดทะลุ 2000 คน ร่วมต้านกลาย เป็น ม๊อบใหญ่ ไร้แกนนำ บนถนนพิชัยรณรงค์สงคราม ด้านหน้าศาลากลาง โดยมี เจ้าหน้าตำรวจและฝ่ายปกครองกว่า 100 นาย ได้มารักษาความสงบเรียบร้อย โดยได้ปิดประตูศาลากลางทุกด้านเพื่อไม่ให้มวลชนเข้าไปชุมนุมภายในเขต รั้วศาลากลางแต่ผู้ชุมนุมไม่มีท่าทีจะเดินทางเข้าไป จึงได้แต่ ร่วมกันเป่านกหวีด ชูมือตบ โบกธงชาติไทย ปราศรัยโจมตี พร้อมป้ายข้อความ โจมตีการบริหารงานของรัฐบาลและ ขับไล่ผู้ว่าราชการวางตัวไม่เป็นกลาง ยังฝักใฝ่ให้การสนับสนุนกลุ่ม นปช.สระบุรี อีก
จึงนัดกันว่ามาขับไล่อีกครั้งในวันที่ 28 พ.ย.56เวลา 16.00 น. สลายตัวในเวลา 20.00 น. (คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

กลุ่มพลังมวลชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มอบดอกไม้ให้กำลังใจผู้ว่าฯสระบุรี

กลุ่มมวลชน เครือข่าย อปท.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคนเสื้อแดง มอบดอกไม้ให้กำลังใจผู้ว่าฯสระบุรี หลังจากมีกลุ่มมวลชนในจังหวัดสระบุรีกว่า 800 คน ได้เดินทางเป่านกหวีดขับไล่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีอ้างไม่เป็นกลาง
เมื่อ 27 พ.ย.56 เวลา 13.00 น. มวลชนจังหวัดสระบุรี นำโดย นายบุญส่ง เกิดหลำ สจ.สระบุรี เขต อ.บ้านหมอ รอง ประธาน นปช.ภาคกลาง นายบัญญัติ วงษ์ประยูร นายกเทศมนตรี ต.พุกร่าง ประธาน.ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดสระบุรี นำมวลชนกว่า 500 คนเดินทางมาศาลากลางจังหวัดสระบุรีเพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังและสนับสนุนการทำงานของนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผวจ.สระบุรีโดยถือป้าย สนับสนุน ระหว่างการจัดกิจกรรม กล่าวสนับสนุนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ให้บริหารประเทศต่อไป พร้อมโจมตีกลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่ ผวจ.สระบุรี ที่หน้าศาลากลางจังหวัดสระบุรี เมื่อ 26 พ.ย.56 ที่ผ่านมา
โดยเฉพาะครูอาจารย์ ที่นำเด็กนักเรียนมาชุมนุมขับไล่ ผวจ.สระบุรี เพราะจะเป็นการสอนให้เยาวชนเป็นเด็กไม่ดี เรียนรู้ในทางที่ผิด โดยหากปรากฏว่ามีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลมาชุมนุมต่อต้าน ผวจ.สระบุรี อีกจะจัดการขั้นเด็ดขาดพร้อมกับกล่าวให้กำลังใจนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ เป็น ผวจ.สระบุรี ต่อไปกล่าวโจมตีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ที่ กทม.
ต่อมานายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผวจ.สระบุรี ได้เดินทางมาพบปะและรับดอกไม้ หลังจากมวลชนที่เดินทางมาสนับสนุน ผวจ.สระบุรี ได้ยุติกิจกรรม กลุ่ม นปช.สระบุรี ซึ่งเป็นมวลชนส่วนหนึ่งที่มาสนับสนุน ผวจ.สระบุรี ประมาณ100 คน เดินทางไปร่วมชุมนุมกับ นปช.ส่วนกลาง ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน กทม. ต่อไป
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คุณยายทวดอายุ 95 ผู้รับเงิน บำเหน็จตกทอดครู คนเดียวในจังหวัดสระบุรีสิ้นแล้ว

คุณทวดน้อย วัย 95 ปี อดีตภรรยาครู เลี้ยงดูบุตร 3 คน ด้วยเงินบำเหน็จตกทอด ที่เหลืออยู่ผู้เดียวและคนสุดท้ายของจังหวัดสระบุรีสิ้นใจแล้วอย่างสงบ ท่ามกลางความอาลัย ของบรรดาบุตร หลาน เหลนและญาติพี่น้อง
เมื่อวันที่ 24.พ.ย.56 เวลา 10.56 น.คุณยายทวดน้อย ทองบุบผา อายุ 95 ปี ได้เสียชีวิตแล้วอย่างสงบ ณ.บ้านเลขที่ 104/1หมู่4 ต.บ้านยาง อ.เสาไห้ จ.สระบุรี หลังจากที่ยังมีสุขภาพที่ยังแข็งแรงทั้งๆที่ มีอายุถึง 95 ปีแต่ยังคงแข็งแรงและทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ซึ่งเป็นบุคคลเดียวที่ยังเหลืออยู่ในจังหวัดสระบุรี และเป็นคนสุดท้าย ของสระบุรี ที่รับเงินบำเหน็จตกทอด เนื่องจากเป็นอดีตภรรยาครูที่เสียชีวิต ตามระเบียบ ราชการเดิมของข้าราชการครู แต่เมื่อวันที่ 4 พ.ย.56 ได้ล้มป่วยลงเข้าพักรักษาตัวที่ รพ.สระบุรี เพียง10 วัน เมื่ออาการดีขึ้น แพทย์ได้ส่งรักษาตัวต่อที่ รพ.เสาไห้ อ.เสาไห้ รักษาตัวอยู่ 7 วันอาการเป็นปกติดี จึงเดินทางกลับไปพักผ่อนร่างกาย อยู่กับบุตรคนที่ 2 และบรรดา หลาน เหลนๆและยังคงปฏิบัติกิจวัตรประจำวันเป็นปกติแต่เมื่อเวลา 24.พ.ย.56 เวลา 10.20 น.คุณยายทวดก็ได้เข้านอนและจากไปด้วยความสงบ ด้วยโรคชรา สิริรวมอายุได้ 95 ปี 9 เดือน 6 วัน
คุณยายทวดน้อยฯ หลังจากที่สามีเป็นอดีตข้าราชการครูได้เลี้ยงดูบุตรทั้งสามอย่างโดดเดี่ยว อดทนด้วยเงินบำเหน็จตกทอดตามระเบียบทางราชการครูในอดีตที่ปัจจุบันยกเลิกไปและการทำสวนปลูกผักเล็ๆเล็กๆน้อยๆจนลูกทั้งสามเติบโตมีอาชีพที่สุจริต ประกอบด้วย บุตรสาว นางบุญชู แก้วตุมตา เสียชีวิตแล้ว คนที่ 2 บุตรชายนายประสิทธิ์ ทองบุบผา รองนายกเทศมนตรีเทศบาลบ้านยาง คนที่ 3 ร.ต.ชำนาญ ทองบุบผา ข้าราชบำนาญสังกัดกลาโหมและยังมีหลานๆที่บุตรทั้งสามมีคนละ 3 คนรวมหลานๆ 9 คน
บุตรหลานเหลนและญาติๆจึงได้นำศพมาบำเพ็ญกุศล ที่ วัดบ้านยาง เขตเทศบาลบ้านยาง อ.เสาไห้ จังหวัดสระบุรี มีกำหนดการดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.56 เวลา16.00 น.พิธีรดน้ำศพ วันที่ 25-27 พ.ย.56 เวลา 20.00น.สวดอภิธรรมทุกคืน วันที่ 28 พ.ย.56 ทำพิธี ฌาปนกิจ เวลา 16.00 น.
ด้วยความอาลัยยิ่ง จาก ครอบครัว แก้วตุมตา ครอบครัว ทองบุบผาและครอบครัว บุญธิคำ โดย จ.ส.อ.สุประวีณ์ บุญธิคำ (หลานเขย) ผู้สื่อข่าว นสพ.พลังชนประจำสระบุรี และผอ./บรรณาธิการ น.ส.พ.บีทีเคนิวส์ ขอขอบพระคุณ แขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่ให้ความกรุณามาร่วมงานบำเพ็ญกุศล คุณยายทวดน้อย ทองบุบผา ในครั้งนี้หากการต้อนรับ บกพร่องประการใด ขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย
คนธรรมดา ม้าตัวเดียว

สระบุรี เดินขบวนต้านระบอบทักษิณ บุกศาลากลางขับไล่ผู้ว่าฯ

กลุ่มนักเรียนโรงเรียนดังสระบุรีถือป้าย เดินรณรงค์ต้านระบอบทักษิณไม่เอา พรบ.นิรโทษกรรม ผู้ปกครอง พ่อค้า ประชาชน ร่วม พลังมวลชนสมทบ กว่าพันคน เป่านกหวีด บุกศาลากลางขับไล่ผู้ว่าฯอ้างเอียง แดง นปช.
เมื่อ 26 พ.ย. เวลา 16.00 น.กลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนดังจังหวัดสระบุรีกว่า 50 คนได้จัดเดินถือป้ายรณรงค์ต้านการโกงกิน ต้านพรบ.นิรโทษกรรม และระบอบทักษิณ ไปเขตเทศบาลเมืองสระบุรี กลุ่ม พ่อแม่ผู้ปกครอง ข้าราชการ พ่อ ค้า ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสระบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง ทราบข่าว ทยอยเข้าร่วมสมทบ ร่วมต้านกลาย เป็น ม๊อบใหญ่ ไร้แกนนำ พร้อมใจ รวมตัวกันบนถนนพิชัยรณรงค์สงคราม ด้านหน้าศาลากลาง เนื่องจากทางเจ้าหน้าตำรวจและฝ่ายปกครองกว่า 50 นาย ได้มารักษาความสงบเรียบร้อย ได้ปิดประตูทุกด้านเพื่อไม่ให้มวลชนเข้าไปชุมนุมภายในเขตรั้วศาลากลาง จึงได้แต่ ร่วมกันเป่านกหวีด ชูมือตบ โบกธงชาติไทย ปราศรัยโจมตี ผ่านโทรโข่ง พร้อมป้ายข้อความ โจมตีการบริหารงานของรัฐบาลและ บุกศาลากลางขับไล่ผู้ว่าราชการจวก พฤติกรรมที่ผ่านมา มีประพฤติตนวางตัวไม่เป็นกลาง ยังฝักใฝ่ให้การสนับสนุนกลุ่ม นปช.สระบุรี อีกด้วย
ต่อมาเวลา 17.10 น.นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผวจ.สระบุรี ได้ลงมาพบปะกับกลุ่มมวลชนที่ตะโกนขับไล่อย่างเดียวจึงไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแต่หยิบกระดาษที่เขียนโจมตี แล้ว กล่าวว่า ขอบคุณครับ แล้วเดินจากไปท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แต่มวลชนยังคงปักหลักยืนหน้าศาลากลางกล่าวโจมตีอย่างต่อเนื่องและมีประชาชนเดินทางสมทบตลอดเวลา ไม่มีแกนนำสั่งการในการดำเนินกิจกรรมต่อหรือยุติการชุมนุม สุดท้ายก็ได้จับกลุ่มคุยกัน ในบริเวณ จึงนัดกันว่ามาขับไล่อีกครั้งในวันที่ 27 พ.ย.56เวลา 16.00 น. จึงยอมสลายตัวในเวลา 18.59 น.
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

รมต.กระทรวงอุตฯลงพื้นที่ ตรวจการทำเหมืองโรงโม่หิน จ.สระบุรี

รมว.อุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี เพื่อมอบนโยบายเกี่ยวกับการลดปัญหาฝุ่นละอองจากการทำเหมืองหิน โรงโม่ ให้กับผู้ประกอบการ เมื่อ 22 พ.ย.56 เวลา 10.00 น. นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี เพื่อมอบนโยบายเกี่ยวกับการลดปัญหาฝุ่นละอองจากการทำเหมืองหิน โรงโม่ ให้กับผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ตำบลหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี และเป็นประธานการประชุมการเตรียมความพร้อมในการจัดกิจกรรมรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม (Big Cleaning Day 2013)
ทั้งนี้การประกอบการเหมืองหินและโรงโม่ บริเวณตำบลหน้าพระลาน จากข้อมูลพบว่า ในพื้นที่มีประทานบัตรเหมืองหินจำนวน 7 แปลง และโรงโม่หินจำนวน 26 โรง จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้รับฟังการบรรยายสรุปการเตรียมการจัดกิจกรรม "วันสิ่งแวดล้อมไทย ลดภัยจากฝุ่นละออง สนองเบื้องยุคลบาทในหลวง” เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมไทย ในวันที่ 4 ธันวาคม 2556 ณ สำนักงานเทศบาลตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า พื้นที่ตำบลหน้าพระลานนั้นเป็นแหล่งผลิตหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมแหล่งใหญ่ของประเทศ มีกำลังการผลิตปีละประมาณ 15-20 ล้านตัน และมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นในการประกอบการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และมีความรับผิดชอบต่อสังคมและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ขอให้ผู้ประกอบการร่วมกันแก้ไขปัญหา พัฒนาพื้นที่หน้าพระลาน เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยเฉพาะฤดูแล้งช่วงเวลาเดือนธันวาคม – เมษายน จะมีผลการตรวจวัดฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานบ้างในบางวัน อยากให้สถานประกอบการร่วมปลูกต้นไม้ในพื้นที่ หรือบริเวณเกาะกลางถนน บริเวณริมถนน พร้อมพัฒนาให้เป็นพื้นที่สีเขียว และยังกำชับให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี ร่วมกับท้องถิ่นและผู้ประกอบการร่วมกันจัดทำโครงการพัฒนาพื้นที่หน้าพระลานให้เป็นพื้นที่สีเขียว โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย ขอให้ดำเนินการทำเหมืองหรือโรงโม่หินให้ถูกต้องตามหลักวิชาการและกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์หน้าเหมืองพังถล่ม
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

กาชาดจังหวัดสระบุรี เปิดรับบริจาคสิ่งของเนื่องใน “วันธารน้ำใจสู่กาชาด ประจำปี 2556”

หน่วยงานภาครัฐ/ภาคเอกชน นำสิ่งของมามอบให้เหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรีสำหรับเป็นของรางวัลแก่ผู้เที่ยวงาน “ ของดีป่าสัก สวยนักทานตะวัน งานกาชาดสระบุรี ประจำปี 2556” โดยปีนี้ของรางวัลสลากกาชาดมีรถยนต์มากถึง 3 คัน
เมื่อ 20 พ.ย.2556เวลา 14.00 น. ที่บริเวณจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีนายประดิษฐ์ ทิพย์สุมาลัย รองผวจ.สระบุรี นายชรัส บุญณสะ ปลัดจังหวัดสระบุรีและเหล่ากาชาดสระบุรีร่วมกัน แถลงข่าว งาน " ของดีป่าสัก สวยนักทานตะวัน งานกาชาดสระบุรี ประจำปี 2556” และรับมอบเงิน สิ่งของ จากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ห้างร้าน บริษัทต่างๆ และประชาชนในจังหวัดสระบุรี ที่มีจิตศรัทธานำมาบริจาคเพื่อสนับสนุนกิจกรรมการออกร้านนาวากาชาดพาโชคจังหวัดสระบุรี ประจำปี 2556
งาน "กาชาดสระบุรี” จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยความร่วมมือระหว่างจังหวัดสระบุรี และเหล่า กาชาดจังหวัดสระบุรี วัตถุประสงค์เพื่อจัดหารายได้นำไปใช้ประโยชน์ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์ สาธารณกุศล และช่วยเหลือคนชรา เด็ก และคนที่ด้อยโอกาส
ซึ่งสำหรับปี 2556 การจัดงานกาชาดสระบุรีกำหนดจัดงานระหว่าง วันที่ 16 ธันวาคม 2556 ถึงวันที่ 22ธันวาคม 2556 รวม 7 วัน 7 คืน ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสระบุรี กิจกรรมภายในงานประกอบไปด้วย กิจกรรมออกร้านนาวากาชาดพาโชค ซึ่งบัตรกาชาดพาโชคจะจำหน่ายในราคาใบละ 20 บาท การจัดจำหน่ายสลากการกุศลกาชาด ในราคาใบละ 100 บาท การจำหน่ายสินค้าตามโครงการผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น การจำหน่ายสินค้าราคาถูกลดค่าครองชีพ และทุกคืนจะมีการแสดงศิลปิน ดารา ตลก และนักร้องลูกทุ่ง สตริง เพื่อชีวิต ทุกคืน ส่วนการจำหน่ายสลากกาชาดการกุศล สามารถหาซื้อได้ที่สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรี ที่ทำการปกครอง สำนักงานจังหวัด หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในจังหวัดสระบุรี ซึ่งมีรางวัลใหญ่เป็นรถยนต์เก๋ง 2 คัน รถยนต์ปิกอัพ 1 คัน สร้อยคอทองคำ ตู้เย็น ทีวี รถจักรยานยนต์ และรางวัลอื่นๆอีกมากมาย จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทั่วไปได้เดินทางมา
เที่ยวงานกาชาดสระบุรี ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสระบุรี สำหรับการออกสลากกาชาดจะมีขึ้นในคืนวันที่ 22 ธันวาคม 2556 ตั้งแต่เวลา 22.00 น เป็นต้นไปทั้งนี้ รายได้จากการจัดงาน เหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรีจะนำไปบำเพ็ญสาธารณกุศลในพื้นที่จังหวัดสระบุรี เช่น การช่วยเหลือคนยากไร้ ผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ ต่อไป
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)