วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กลุ่มหน้ากากขาว จ.สระบุรี เดินทางแสดงพลัง

เมื่อ30 มิ.ย.56 เวลา 16.00น. กลุ่มหน้ากากขาว จ.สระบุรี ประมาณ 200 คน ได้รวมตัวชุมนุมกันที่สวนสุขภาพ ตรงข้ามสถานีรถไฟสระบุรี เขตเทศบาลเมืองสระบุรี อ.เมือง จ.สระบุรี ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นกล่าวปราศรัย “ป้าอ้วน พระพุทธบาท” จัดเลี้ยงอาหาร กวยจั๊บ และป้าเบ็ญ บ้านอ้อยและชาวชุมชนตลาดสระบุรีนำเครื่องดื่ม สนับสนุน กิจกรรมในวันนี้มี ป้ายข้อความโจมตีรัฐบาล โดยมีแหลม ผู้จัดกวน มาเล่นดนตรีโฟลกซอง สลับการปราศรัย
เวลา 18.20 น. กลุ่มฯได้ตั้งขบวนเดินเท้าไปยังแยกพิชัยรณรงค์สงคราม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี อำนวยการด้านจราจรตลอดเส้นทาง จากนั้นได้หยุดทำกิจกรรมหน้าการศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดสระบุรี ชี้แจงการดำเนินการของรัฐบาลปัจจุบัน เรื่องจำนำข้าว น้ำมันแพง ค่าครองชีพสูงขึ้น การคอรัปชั่นต่างๆ ต่อมาได้จัดรูปขบวน เดินทางต่อไปยังตลาดสดเทศบาลเมืองสระบุรี และวนไปทางตลาดนัดคลองถมข้างทางรถไฟได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่จำนวนมากออกมาให้กำลังใจ หลายคนไม่ทราบว่ามีหน้ากากขาวสระบุรี พร้อมกันนี้ได้มีการเชิญชวนออกมาร่วมชุมนุมครั้งต่อไป
จึงเดินทางกลับมายังจุดชุมนุมเดิมบริเวณสวนสุขภาพ จากนั้นกลุ่มที่เหลือได้ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และนัดหมายชุมนุมในวันอาทิตย์ ถัดไป จึงยุติการชุมนุม เวลา 19.30 น
อนึ่งการเดินขบวนในครั้งนี้ไม่มีการเตรียมการเส้นทางไว้เป็นที่แน่นอนเนื่องจากไม่มีแกนนำหลัก ขบวนการเดินจึงมีการเปลี่ยนแปลงตามข้อตกลงใจของกลุ่มผู้ประท้วงในแต่ละทางแยกสร้างความสับสนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรีที่คอยอำนวยการการจราจรเป็นอย่างมาก
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

ชาวชุมชนบ้านบึง ร้องสื่อ แก้ปัญหาความเดือดร้อนจาก คก.บ่อบำบัดน้ำเสีย

ชาวชุมชนบ้านบึง จ. สระบุรีประท้วงร้องสื่อ แก้ปัญหาความเดือดร้อนจากโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย งานก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย ก่อสร้างกลางชุมชน ขุดถนนวางท่อ ก่อทุกข์ ชาว จ.สระบุรี มาหลายสิบปี ชาวชุมชน บ้านบึง สุดทน รวมตัวประท้วงการก่อสร้างถนนผิดสภาพเดิมทาง เข้าวัดและชุมชน ขู่ปิดเส้นทางเข้าออก
เมื่อ 30 มิ.ย.56 เวลา 16.00 น.นางอรสา ชมสุวรรณ ประธานชุมชนบ้านบึงพร้อมคณะ นายมงคล สายสุวรรณ อายุ62 ปี บ้านเลขที่ 67 /12 กรรมการชุมชน นายวิโรจน์ พรมวัฒ กรรมการชุมชนบ้านเลขที่686 ถ.พิชัย ต.ปากเพรียว กรรมการชุมชน พร้อมชาวชุมชนบ้านบึง ประมาณ 100 คนรวมตัวประท้วง และร้องสื่อมวลชน บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย ทำถนนต่ำกว่ามาตรฐานเดิม ก่อสร้างถนนเข้าวัดและชุมชนระยะทาง ๒๐๐ เมตร ของบริษัท เซติกสากล จำกัด และกรมโยธาธิการที่ เป็นผู้ว่าจ้างบริษัท ดังกล่าว ก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย หลังได้มีการร้องเรียนกันมาหลายครั้งจากกรณีการก่อสร้างถนนที่ต่ำกว่าถนนเดิมเนื่องจากทางบริษัทได้ก่อสร้างสำนักงานต่ำกว่าระดับถนนเดิมจึงต้องลดระดับถนนเดิมให้เหมาะกับการก่อสร้างสำนักงานโครงการฯที่อยู่ในระดับต่ำ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวชุมชนบ้านบึงในการสัญจรเข้าออกที่อยู่อาศัยเนื่องจากต่ำกว่าถนนเดิมเกือบ 1 เมตรซึ่งเดิมที่อยู่อาศัย จะมีพื้นที่ระดับเดียวกันกับถนนหลังซึ่งทางกเจ้าหน้าที่ กรมโยธาธิการ และผู้รับเหมาได้เคยตกลงปรับแบบการก่อสร้างแล้วแล้ว แต่เบี้ยว ไม่เป็นไปตามข้อตกลงที่ได้สัญญากันไว้ สร้างความเดือนร้อนทั้งชาวชุมชนและพระสงฆ์ที่ต้องออก บิณฑบาต เนื่องจากถนนต่ำลักษณะคล้ายร่องน้ำเมื่อฝนตกทำให้ยากแก่การสัญจรเนื่องจากปัจจุบันถนนยังเป็นดินลูกรังอยู่ ถนนจึงมีแต่ดินโคลนอยากแก่การสัญจรเดือนร้อนทั้งพระและประชาชน
ต่อมา เวลา 17.30 น.นายภาณุพงศ์ ทิพยเศวต นายก เทศมนตรีเทศบาลเมืองสระบุรีได้เดินทางเข้าเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันจะปิดถนนเส้นทางเข้าออก งานก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย อ้างเหตุได้เจรจามาแล้วหลายครั้งแล้วยังไม่คืบ นายภาณุพงศ์ ฯ จึงแจ้งกลุ่มผู้ชุมนุมได้ให้สัญญาจะพาเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีพร้อมนัดผู้บริหารบริษัทฯและเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการ มาพูดคุยอีกครั้งหนึ่งหากไม่สำเร็จทางเทศบาลก็จะฟ้องบริษัทดังกล่าวเช่นกันเนื่องจากนำดินจากถนนเดิมของเทศบาลไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
อนึ่งการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย ในการวางท่อได้มีการขุดเจาะและกลบบนแนวถนนพิชัยฯ ถนนในเขตเทศบาล เมืองสระบุรี สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวสระบุรีด้านการจราจรมาหลายปีพร้อมกับเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง จากการ ติดป้ายสัญญาณเตือนและแสงสว่าง เวลากลางคืนไม่เพียงพอ
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

พิธีเชิดชูเกียรติและมอบพระปรมาภิไธย่อ รร.๖ นายทหารพิเศษ ฯ

พิธีเชิดชูเกียรติและมอบพระปรมาภิไธย่อ รร.๖ นายทหารพิเศษประจำ ม.พัน 11 รอ. จ.สระบุรี ผบ.ม.พัน 11 รอ.จัดพิธีแสดงความยินดีและเชิดชูเกียรติ ให้กับนายทหารพิเศษประจำหน่วย ตาม ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี และประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่องแต่งตั้งนายทหารพิเศษ โดยมี พระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งนายทหารสัญญาบัตรเป็นนายทหารพิเศษประจำหน่วยทหารรักษาพระองค์ หน่วย กองพันทหารม้าที่ 11 รักษาพระองค์, ณ.หน้า บก.ม.พัน 11 รอ. ถ.พิชัยฯ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี
เมื่อ26 มิ.ย.56 เวลา 13.09 น.พันโท พงศ์ณุภา เวชชาชีวะ ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 11 รักษาพระองค์ได้ประกอบพิธีแสดงความความยินดีและเชิดชูเกียรติ พร้อมมอบพระปรมาภิไธ ย่อ รร. ๖, มอบประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและพระบรมรูป รร.๖ ให้กับพลโท ณัฐชัย กสิผล ที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย พลโท ปริญญา ทวีชัยการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก พลตรี สสิน ทองภัคดี เจ้ากรมยุทธการทหารบก ที่ได้รับโปรดเกล้าเป็นนายทหารพิเศษประจำกองพันทหารม้าที่11 รักษาพระองค์โดยมี รอ.บุญยืน ขำยิ่งเกิด ฝอ.1 ม.พัน 11 รอ.กล่าวรายงาน พ.ต.อำนาจ วชิรศักดิ์โสภานะ รอง.ผบ. ม.พัน.11 รอ นำคณะนายทหาร,นายสิบและพลทหารให้การต้อนรับ.
พลโท ณัฐชัยฯ กล่าวว่า จากประวัติความเป็นมา และการปฏิบัติภารกิจของหน่วย ย่อมเป็นที่ประจักษ์แจ้งว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กองพันทหารม้าที่ ๑๑ รักษาพระองค์ฯ ได้ปฏิบัติภารกิจ อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่กองทัพบก และต่อประเทศชาตี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ เป็นหน่วยทหารรักษาพระองค์ ในการถวายความปลอดภัย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งเป็นหน้าที่ ที่พวกเราถือว่า เป็นภารกิจที่สำคัญ และเป็นเกียรติสูงสุดจึงขอให้ท่านทั้งหลายจงภาคภูมิใจและดำรงคุณงามความดี ความรัก ความสามัคคี ดังคำขวัญกองทัพบกที่ให้ไว้ คือเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ผมขอขอบคุณ ผู้บังคับกองพันฯ ข้าราชการและครอบครัวทุกคนที่ได้จัดพิธีแสดงความยินดีในวันนี้ ซึ่งได้ถือว่าเป็นพิธีที่มีเกียรติ ผมจะได้จดจำไว้อย่างมิรู้ลืม และจะรักษาเกียรตินี้ไว้ด้วยชีวิต
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

ผู้ว่าฯจังหวัดสระบุรี ปล่อยแถวตรวจโครงการรับจำนำข้าว

วันนี้ (27 มิ.ย.2556 )เวลา 08.00 น. นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานปล่อยแถวชุดปฏิบัติการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลปริมาณข้าวคงเหลือโรงสีและโกดังกลาง ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล โดยมี พล.ต.ต.ชลิต ปรีชาหาญ ผบก.ภ.จว.สระบุรี รองผบก. และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และชุดปฏิบัติการตรวจสอบของจังหวัดร่วมปฏิบัติการ สำหรับเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินการตามคำสั่งของกระทรวงพาณิชย์ ในการตรวจสอบโรงสีและโกดังเก็บข้าวสาร ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เกี่ยวกับข้อเท็จจริงทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ว่ามีจำนวนปริมาณและคุณภาพตามที่กำหนดไว้หรือไม่
สำหรับชุดปฏิบัติจะเข้าตรวจสอบ ตามโรงสีและโกดังกลาง จำนวน 83 จุด ทั่วจังหวัดสระบุรี โดยแบ่งเป็นเข้าตรวจจุดรับจำนำข้าวในเขตแต่ละอำเภอ ประกอบด้วยผู้แทนกระทรวงพาณิชย์จังหวัด ผู้แทน ธนาคาร ธกส. จังหวัดฯ ผู้แทนกระทรวงการคลังจังหวัด เจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า นายอำเภอท้องที่ ผู้แทน พื้นที่ตั้งโรงสีและโกดังกลาง และตำรวจท้องที่
ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า จากการตรวจสอบในภาพรวมยังไม่มีสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด จะมีก็เพียงแต่ความคาดเคลื่อนจากการนับซึ่งก็ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่รับผิดชอบในการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลครั้งนี้ ต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างจริงจัง และรอบคอบแม่นยำเพราะเป็นนโยบายที่ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ความสำคัญ ถ้าจุดใดที่ไปปฏิบัติแล้วมีปัญหาทางเทคนิค การคำนวณจำนวนกองข้าว จำนวนกระสอบ การพบมีข้อพิรุธต่างๆ ให้รายงานตรงมาที่จังหวัดเราจะทำการส่งเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการ ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยถ้าพบมีการกระทำผิด ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีกับเจ้าของโกดังหรือเจ้าของโรงสีทันที
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

ตำรวจสระบุรีจับกุมกลุ่มแก๊งโจรกรรมยานยนต์โดยใช้ระบบ GPS

ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีพร้อม ผู้บังคับการตำรวจ. ภ.จว สระบุรี ร่วมแถลงข่าว การจับกุมแก๊งลักรถจักรยานยนต์ ด้วยระบบ GPS ณ.กองบังคับการตำรวจ ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อ 27 มิ.ย.56 เวลา 09.00 น. พล.ต.ชลิต ปรีชาหาญ ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.อภิชาติ เรือนทิพย์ รอง ผบก.ฯ,พ.ต.อ.ฐิติพันธ์ อมรสุคนธ์ รองผบก.ฯ พ.ต.อ.ไกลเขต บุรีรักษ์ ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี ได้แถลงข่าว หลังจากได้สั่งการ พ.ต.ท สาโรจน์ ลิ้มวสุ ไพศาล รอง ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.ท. สุรียะ สุดกังวาน สว.สส.ภ.จว. พร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่กก.สส.ภ.จว สระบุรี สืบสวนจับกุมกลุ่มแก๊งโจรกรรมรถยนต์จักรยานยนต์ในเขตรับผิดชอบจากกรณีในเขต อ.เมืองสระบุรี มีการโจรกรรมรถจักรยานจำนวนมากและจับกุมได้น้อย ทาง ภ.จว.สระบุรี จึงได้วางแผนเพื่อทำการจับกุมกลุ่มแก๊งคนโจรกรรมรถจักรยานยนต์ โดยจัดหาระบบติดตามรถหายทาง GPS นำมาติดตั้งกับรถจักรยานยนต์ โดยจะขอความร่วมมือกับประชาชนที่จอดรถจักรยายนต์ในสาธารณะ โดยจะขอยืมรถจักรยานยนต์ที่ใช้อยู่เป็นประจำเพื่อนำมาติดตั้ง GPS แล้วนำมาจอดตามจุดที่รถจักรยายนต์หายเป็นประจำ จำนวน 20 คัน จะนำไปจอดจุดเสี่ยงต่างตามช่วงเวลา 19.00 น. จนถึงเวลาเช้า โดยทำมาประมาณ 1 เดือน
จนมาวันที่ 25 มิ.ย. 56 ได้รับแจ้งจากศูนย์ ควบคุม 191 ของ ภ.จว.สระบุรี ว่ารถจักรยายนต์ติด GPS ที่จอดอยู่ซอย รพ.สระบุรี มีการเคลื่อนจากจุดจอดมุ่งหน้าเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ ชุดติดตาม ออกติดตามโดยประสานกับศูนย์ควบคุมสามารถพบรถจักรยายนต์คันดังกล่าว บริเวณหน้าหมู่บ้านการเคหะ 2 ม. 10 ต.ห้วยบง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี พบว่ามีนายวิทวัสหรือเป้ แนวเมือง อายุ 21 ปี มิภูมิลำเนาอยู่ 53 ม. 9 ต.พุแค อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี เป็นผู้ขับขี่และนายอมรหรือแบงค์ เหมือนเพ็ชร์ อายุ 16 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ 34/2 ม. 5 ต.เขาดินพัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี เป็นผู้นั่งซ้อนท้าย จึงได้กุมนายวิทวัสฯ ให้การรับสารภาพและจากการตรวจสอบพบว่านายวิทวัสฯ ยังมีหมายจับของศาล จังหวัดสระบุรี ในคดีลักรถจักรยายนต์ในเวลากลางคืน เหตุเกิด อ.เมืองสระบุรี และจากการสืบสวนขยายผลนายวิทวัสฯ กับนายอมรฯ ให้การรับสารภาพอีกว่า เมื่อประมาณปลายเดือน พ.ค.56 ได้โจรกรรมจักรยายนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟไอ สีขาว หมายเลขทะเบียน 319 สระบุรี จอดอยู่ลานจอดรถของห้างแมกโค ต.กุดนกเปล้า อ.เมือง จ.สระบุรี แจ้งหายไว้ที่ สภ.เมืองสระบุรีและ เมื่อประมาณกลางเดือน มี.ค 56 ได้โจรกรรมรถจักรยายนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟี่โน สีม่วง ไม่ติดตั้งแผ่นป้ายทะเบียน จอดอยู่บริเวณที่จอดรถใต้สะพานต่างระดับหินกอง-นครนายก แจ้งหายไว้ที่ สภ.หนองแค เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามไปตรวจยึดคืนมาได้ และยังให้การต่ออีกว่าเมื่อประมาณกลางเดือน ธ.ค 55 ได้โจรกรรมรถจักรยายนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟี่โน สีแดง จอดอยู่ใต้สะพานลอยหน้าโรงเรียนหินกองแจ้งหายไว้ที่ สภ.หนองแค ตรวจสอบแล้วไม่พบรถ
พฤติกรรมของคนร้าย จะออกตะเวนหารถจักรยายนต์ที่จอดอยู่ตามลานจอดรถหรือที่สาธารณะในเวลากลางคืน เทื่อพบว่ารถจักรยายนต์ไม่ล็อคคอรถจักรยายนต์จะใช้วิธีจูงรถออกมาจากที่จอดแล้วต่อไฟต่อตรงขับออกไปจากที่จอด หรือรถที่ลืมกุญแจรถไว้กับรถเนื่องจากรีบไปขึ้นรถเพื่อไปทำงานจนลืมถอดกุญแจรถ จะขับออกไปจากจุดที่จอด เมื่อได้รถแล้วจะนำไปขายในราคาคันละ 3,000-3,500 บาท หรือบางครั้งจะแลกกับยาบ้าในราคาคันละ 25 เม็ด ต่อคัน ขณะอยู่ในระหว่างสืบสวนติดตามพฤติการณ์ของกลุ่มผู้รับซื้อต่อไป
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ซักซ้อมผู้บริหารโรงเรียน ขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด

สพป.สระบุรี เขต 1 ซักซ้อมผู้บริหารสถานศึกษาขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2556 เวลา 09.30 น. สพป.สระบุรี เขต 1 จัดประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาในการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ณ ห้องประชุมสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี
นายสุเมธี จันทร์หอม ผอ.สพป.สระบุรี เขต 1 เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาล ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยได้จัดยุทธศาสตร์“พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” ด้วยการรวมพลังทุกภาคส่วนเป็นพลังแผ่นดินในการต่อสู้กับยาเสพติด โดยยึดหลักผู้เสพคือผู้ป่วยที่ต้องได้รับการบำบัดรักษาให้กลับมาเป็นคนดีของสังคม และสั่งการให้มีการกำกับติดตามช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ รวมทั้งดำเนินการป้องกันกลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไปไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ยึดหลักนิติธรรมในการปราบปรามลงโทษผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้มีอิทธิพล และผู้ประพฤติมิชอบ มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และดำเนินการอย่างจริงจังในการป้องกันปัญหาด้วยการแสวงหาความร่วมมือเชิงรุกกับต่างประเทศในการควบคุมและสกัดกั้นยาเสพติด สารเคมี และสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดที่ลักลอบเข้าสู่ประเทศ ภายใต้การบริการจัดการอย่างบูรณาการและมีประสิทธิภาพ ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของยุทธศาสตร์ ต้องการยุติสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติด ภายใน 1 ปี จึงกำหนดเป็น “วาระแห่งชาติ” และได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษา กำหนดมาตรการป้องกันเด็กและเยาวชนก่อนวัยเสี่ยง ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เรียนรู้ถึงโทษและพิษภัย รู้จักวิธีปฏิเสธ หลีกเลี่ยง ยาเสพติด และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เพื่อหลีกเลี่ยงการหมกมุ่นมั่วสุมกับยาเสพติดและอบายมุข ตลอดจนดูแลช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษา ที่ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงได้กำหนดให้ผู้บริหารสถานศึกษาทุกระดับ นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง
นายสุเมธี กล่าวอีกว่า เพื่อให้นโยบายการต่อต้านยาเสพติด ขยายผลอย่างกว้างขวาง สพป.สระบุรี เขต 1 จึงจัดประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาในการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้บริหารสถานศึกษานำนโยบายการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้บริหารสถานศึกษาดำเนินงาน 5 มาตรการ ตามโครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติด และดำเนินการภายใต้กลยุทธ์ 4 ต้อง 2 ไม่ และเพื่อให้ผู้บริหารสถานศึกษาส่งเสริม สนับสนุน จัดกิจกรรมการป้องกันและเฝ้าระวังยาเสพติดในสถานศึกษา
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

วันต่อต้านยาเสพติด “คนไทยหัวใจสีขาว ร่วมต้านยาเสพติด” จ.สระบุรี

วันต่อต้านยาเสพติด ปี 2556 สระบุรี “คนไทยหัวใจสีขาว ร่วมต้านยาเสพติด” ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเพสติดจังหวัดสระบุรีจัดกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด ปี 2556โดยมีกลุ่มพลังมวลชนทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน นักเรียนนักศึกษา กลุ่มพลังแผ่นดิน และกลุ่มมวลชนต่าง ๆ เข้าร่วมกิจกรรม พร้อมร่วมใจใส่เสื้อขาว ร่วมแสดงพลังต้านยาเสพติดกว่า 800 คน ณ.หอประชุม องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี(หลังเก่า) บริเวณศาลากลางจังหวัดสระบุรี
วันที่ 25 มิถุนายน 2556 เวลา 10.30 น. นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเพสติดจังหวัดสระบุรี เป็นประธานเปิดงาน นายชรัส บุญณสะ ปลัดจังหวัดสระบุรี กล่าวรายงานพร้อมคณะหัวหน้าส่วนราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการป้องกันและปรามปรามยาเสพติด จัดกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด ปี 2556 โดยใช้คำขวัญ "ยาเสพติดจะพินาศ คนไทยทั้งชาติต้องร่วมมือกัน” ภายใต้แนวคิด"คนไทยหัวใจสีขาว ร่วมต้านยาเสพติด” เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยเรื่องยาเสพติด
ซึ่งจังหวัดสระบุรี ร่วมกับอำเภอเมืองสระบุรี และเทศบาลเมืองสระบุรี ได้ร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์กิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด ก็เพื่อที่จะให้ให้ชุมชน ประชาสังคมและเยาวชน หน่วยงานภาคีรับรู้และเข้าใจปัญหายาเสพติด รวมทั้งให้ตระหนักถึงภัยยาเสพติด และความสำคัญของวันต่อต้านยาเสพติด การสร้างจิตสำนึกให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึง มหันต์ภัยของยาเสพติด อีกทั้งรวมกันเป็นพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด โดยมีกลุ่มพลังมวลชนทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน นักเรียนนักศึกษา กลุ่มพลังแผ่นดิน และกลุ่มมวลชนต่าง ๆ เข้าร่วมกิจกรรม พร้อมร่วมใจใส่เสื้อขาว ร่วมแสดงพลังต้านยาเสพติดกว่า 800 คน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ได้นำพลังมวลชนกล่าวคำปฏิญาณตนและกล่าวคำประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านยาเสพติด ต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ
ทั้งนี้ตามมติการประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ เมื่อเดือน 26 มิถุนายน 2530 ได้กำหนดให้วันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันต่อต้านยาเสพติด ซึ่งประเทศไทยได้ยึดถือปฏิบัติและยืนยันเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ที่จะร่วมกับประชาคมโลกในการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด โดยมีหน่วยงาน/องค์กรภาคีที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์พิเศษต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2531จนถึงปัจจุบัน
และรัฐบาลได้กำหนดนโยบายให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ โดยมียุทธศาสตร์ "พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” เป็นยุทธศาสตร์หลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ด้วยการระดมสรรพกำลังของทุกภาคส่วนร่วมเป็นพลังแผ่นดินในการเอาชนะยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบงานยาเสพติด จึงกำหนดเร่งดำเนินงานตามแผนการปฏิบัติ เพื่อสนองต่อนโยบายรัฐบาล รวมถึงการกำหนดนโยบายในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมให้สอดรับกับแผนและยุทธศาสตร์การดำเนินงานการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล (คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

จ.สระบุรี จัดเสวนา ยุติธรรมทางเลือก และ ยุติธรรมเชิงสมานฉันท์

เสวนา ความเป็นไปได้ในการนำยุติธรรมทางเลือกและยุติธรรมเชิงสมานฉันท์มาใช้ในจังหวัดสระบุรี
สำนักงานยุติธรรมจังหวัดสระบุรีจัดโครงการเสวนาหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมระดับจังหวัดสระบุรีความเป็นไปได้ในการนำยุติธรรมทางเลือกและยุติธรรมเชิงสมานฉันท์มาใช้ในจังหวัดสระบุรี ณ.ห้องประชุม สวนริมเขา ฮิลล์ปาร์ค อ.เมือง จ.สระบุรี
เมื่อ25 มิ.ย.56 เวลา 09.00 น.นายณรงค์ ขำเพชร ผอ.สนง.คุมประพฤติ จังหวัดสระบุรี ปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้า.สนง.ยุติธรรมจังหวัดสระบุรี จัดโครงการเสวนา หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมระดับจังหวัดสระบุรีความเป็นไปได้ในการนำยุติธรรมทางเลือกและยุติธรรมเชิงสมานฉันท์มาใช้ในจังหวัดสระบุรี โดยมี นายถาวร พรหมมีชัย ผวจ.สระบุรี เป็นประธานเปิดงาน มีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิประกอบด้วย นายชัยวัฒน์ พงษ์บุญ นิติกรปกครองจังหวัดสระบุรี น.ส.นิตยา เมืองมูล อัยการจังหวัด สนง.คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน นายปณัฐ สมบูรณสิน ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสระบุรี นายสว่าง สามปลื้ม นายก อบต.ตำบลดาวเรือง ซึ่งได้รับความสนใจจาก กลุ่มเครือข่ายอาสาสมัครยุติธรรมชุมชน,เครือข่ายคุ้มครองสิทธิ,ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ อัยการ เข้าร่วมเสวนาในครั้งนี้ด้วย
นายณรงค์ ขำเพชร กล่าวว่า ด้วยสำนักงานยุติธรรมจังหวัดสระบุรี เห็นความสำคัญของความปรองดองและความสมานฉันท์ในสังคมว่าเป็นเรื่องที่จะต้องส่งเสริมและเสริมสร้างความสมัครสมานสามัคคี เพราะความขัดแย้งและการพิพากทวีความรุนแรงมากขึ้นเกิดเป็นคดีความขึ้นสู่การพิจารณาในชั้นศาลมากขึ้นจึงนำกระบวนการยุติธรรมทางเลือกและยุติธรรมเชิงสมานฉันท์มาใช้ให้เกิดเป็นรูปธรรม
สำนักงานยุติธรรมจังหวัดสระบุรี จึงจัดโครงการเสวนาหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมระดับจังหวัดสระบุรี เรื่อง ความเป็นไปได้ในการนำยุติธรรมทางเลือกและยุติธรรมเชิงสมานฉันท์มาใช้ในจังหวัดสระบุรี เพื่อให้เกิดแนวทางการนำกระบวนการยุติธรรมทางเลือกและยุติธรรม เชิงสมานฉันท์มาใช้และเกิดความรวดเร็วแก่ประชาชน เกิดความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานยุติธรรมและกระบวนการยุติธรรมในจังหวัดสระบุรี องค์กรปกครองท้องถิ่น ชุมชนและประชาชนทั่วไป ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจประสานงานกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนให้เกิดเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
-------------------------------------------------- ปภาวี/ ข่าว ศิริรัตน์/พิมพ์ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรี โทร. 0-3631-3433, 0-3621-2947