วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สุพรรณบุรี พระเทพสุวรรณโมลี เป็น ปธ.พิธีเจาะอุโมงค์ถ้ำ พระพุทธปุษยคีรี ศรีสุวรรณภูมิ




           จังหวัดสุพรรณบุรี สร้างประวัติศาสตร์จุดระเบิดเปิดหน้าหิน เพื่อเจาะอุโมงค์ถ้ำเป็นปฐมฤกษ์ บริเวณด้านหลังพระพุทธปุษยคีรี ศรีสุวรรณภูมิ หนึ่งเดียวในโลก มรดกฟ้าดิน








              ที่มหาพุทธสถานเมืองโบราณเขาทำเทียม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี พระเทพสุวรรณโมลี เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์ วรวิหาร เป็นประธานในพิธีบวงสรวงจุดระเบิดเปิดหน้าหิน เพื่อเจาะถ้ำเป็นปฐมฤกษ์ ใต้ฐานพระพุทธปุษยคีรี ศรีสุวรรณภูมิ ในเช้าวันนี้(2 พ.ค.59) โดยมีนายพิภพ  บุญธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี  ทันตแพทย์อนุศักดิ์  คงมาลัย ประธานสภาอุตสาหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนราชการและประชาชนร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก









              โดยพระเทพสุวรรณโมลี เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหารและประธานดำเนินโครงการสร้างพระแกะสลักหน้าผาหนึ่งเดียวในไทย กล่าวว่า  ในวันนี้ ได้ทำพิธีบวงสรวงจุดระเบิดเปิดหน้าหิน เพื่อเจาะอุโมงค์ถ้ำเป็นปฐมฤกษ์ บริเวณด้านหลังพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ เพื่อเป็นห้องประชุมและปฎิบัติธรรม พื้นที่ 14,400 ตรม.งบประมาณการก่อสร้าง 288 ล้านบาท   ขณะที่การแกะสลักพระพุทธปุษยคีรี ศรีสุวรรณภูมิ ที่ในขณะนี้คืบหน้าไปแล้วกว่า 70 เปอร์เซ็น โดยส่วนที่เป็นพระพักตร์และองค์พระได้ปรากฏให้เห็นเด่นชัด โดยเมื่อองค์พระแล้วเสร็จจะอัญเชิญพระเกตุมาลาขึ้นไปประดิษฐาน  ซึ่งเตรียมจัดพิธีฉลองสมโภชน์อย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่  27 ธ.ค.2559-5 ม.ค.2560  ฉลองข้ามปี 10 วัน 10 คืน  







            ทั้งนี้ การแกะสลักพระพุทธปุษยคีรี ศรีสุวรรณภูมิ ถือเป็นมรดกของศาสนา มรดกของชาติ และมรดกของโลก เพราะเป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหน้าผาหนึ่งเดียวในไทยและยิ่งใหญ่ในโลก  นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งส่วนสำคัญคือ พระเกตุมาลาดอกบัวตูม ซึ่งมีการแกะสลักแยกออกจากองค์พระ มีน้ำหนักรวมกว่า 8,000 กิโลกรัม และหากอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนพระเศียรแล้วก็จะไม่มีโอกาสได้สร้างบุญใหญ่แบบนี้อีกเลย จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว ร่วมกันบันทึกประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญนี้ไปพร้อมๆ กัน สำหรับผู้มีจิตศรัทธา ร่วมทำบุญแกะสลักองค์พระจะได้รับพระเกตุมาลาจำลองเป็นสิริมงคลกับชีวิตและครอบครัวตลอดไป







                   เฉลียว อินยิ้ม  ฝ่ายข่าว สวท.สุพรรณบุรี   รายงาน
          เรวัติ  น้อยวิจิตร  นสพ.พลังชน ศูนย์ข่าวจังหวัดสุพรรณบุรี

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

นายกฯ พร้อมคณะรัฐมนตรี ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม นายบรรหาร ศิลปอาชา



            พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี ได้เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรี คนที่ 21








            เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 1 พฤษภาคม ที่ศาลา 1 (เตชะอิทธิพร) วัดเทพศิรินทร์ทราวาส  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี ได้เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีคณะบุคคลเป็นเจ้าภาพร่วม ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล นักศึกษาหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) รุ่น 18 นักศึกษาหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ (TEPCoT.) รุ่น 5 












             นอกจากนี้ ผู้แทนจากสถานทูตออสเตรเลีย โดยนายพอล โรบิลลิอาร์ด เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย และ น.ส.ออคเทเวีย บอร์ทวิค อัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยพร้อมเจ้าหน้าที่สถานทูตได้เข้าคารวะศพนายบรรหาร  ศิลปอาชาด้วย








    พิสิฐ  ก่อเกียรติตระกูล  ภาพ
 เรวัติ น้อยวิจิตร   hub admin rewat.noyvijit@hotmail.com  08-1910-7445  

ทุกข์ชาวบ้าน การประปาส่วนภูมิภาค จ่ายค่าน้ำเกินกำหนด เสียค่าปรับแพง




            ได้เห็นข้อความใน Facebook ของเพื่อนสมาชิก ที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี กับกรณี การจ่ายบิลค่าน้ำประปา กับ การประปาส่วนภูมิภาค เกินกำหนดชำระ ซึ่งจะต้องเสียค่าปรับอีก 300 บาท ( ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ) ถือว่าแพงเกินจริงหรือไม่




    ประยูร อสัมภินพงศ์ ที่ ตลาดอู่ทอง
18 ชม.
         หากเราจ่ายเงินไม่ทันตามกำหนด จะโดนค่าปรับตามนี้ ยุติธรรมกับพวกเราหรือไม่ กับธุระกิจผูกขาดแบบนี้ ใครคิดว่าควรจะต้องเลิกค่าธรรมเนียม กดไลน์..มาเลยครับ ใครเป็นคนตั้งกฎ...สุดยอดๆๆๆ


             กรณีของคุณประยูร อสัมกินพงศ์  มีบิลค่าน้ำ ประจำเดือน เมษายน 2559 จำนวนเงิน 43.01 บาท รวมค่าปรับการจ่ายเกินกำหนดอีก 321 บาท รวมทั้งสิ้น 364.01 บาท ซึ่งเป็นยอดที่เจ้าตัวรับไม่ได้ ซึ่งในเรื่องนี้ คงต้องฝากไปยัง ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค ( ซึ่งขณะนี้ตำแหน่งยังอยู่ระหว่างการสรรหา ) ว่าจะสามารถปรับเปลี่ยน หรือ ใช้วิธีอื่นใด ที่จะสามารถบรรเทา ความเดือดร้อนของชาวบ้าน ในภาวะ ภัยแล้ง น้ำก็มีน้อย  ไหลก็ไม่แรง  เพื่อจะบรรเทาทุกข์  บรรเทาค่าใช้จ่าย และ ก้าวเดินไปด้วยกันได้ 
     

            กรณีศึกษา ที่จังหวัดขอนแก่น มาให้ดูกันเป็นตัวอย่างครับ
  
               ผมมีเรื่องเดือดร้อนที่อยากขอร้องให้ลุงแจ่มเป็นกระบอกเสียงสื่อไปยังผู้บริหารการประปาส่วนภูมิภาค พวกผมเป็นชาวบ้าน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ได้รับความเดือดร้อนจากการทำงานของการประปาส่วนภูมิภาคสาขาอำเภอชนบท จ.ขอนแก่น ที่คิดค่าปรับแพงหากจ่ายค่าน้ำล่าช้า 
             เดือนไหนที่วันถึงกำหนดจ่ายตรงกับวันหยุด ถ้าไปจ่ายในวันทำการถัดไป จะถือว่าจ่ายล่าช้า โดยเสียค่าปรับทันที 300 บาท รวมแวต อีก 21 บาท รวมเป็น 321 บาท ลองคิดดูเถอะว่าเงิน 321 บาท สำหรับชาวบ้านแล้วเป็นจำนวนเงินที่มาก บางคนทำงานวันหนึ่งรายได้ไม่ถึง 300 บาทเลย 
            แล้วจะเอาเงินจากไหนไปจ่ายค่าปรับ คนจนทั้งนั้น อย่างนี้เท่ากับรีดเลือดกับปู เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีความอะลุ้มอล่วยกับชาวบ้าน เกินมาวันเดียวก็ไม่ยอม ถามเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเป็นระเบียบของการประปาสำนักงานใหญ่ ผมเคยร้องเรียนไปที่ ตู้ ปณ.1111 แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ จึงขอร้องเรียนผ่านมาทางลุงแจ่มได้โปรดช่วยเหลือพวกผมด้วย เพราะเดือดร้อนจริงๆ
  
พันกิจ 
ตอบ
           การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขาชนบท จ.ขอนแก่น ชี้แจงว่า การอ่านมาตรวัดน้ำประจำเดือนของ กปภ. สาขาชนบท จะอ่านมาตรวัดน้ำและแจ้งหนี้ระหว่างวันที่ 1-9 ของทุกเดือน และผู้ใช้น้ำสามารถชำระค่าน้ำได้ภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันแจ้งหนี้ หากผู้ใช้น้ำไม่ชำระค่าน้ำภายใน 7 วันดังกล่าว กปภ. จะผ่อนผันให้ชำระได้อีก 7 วัน โดยไม่งดจ่ายน้ำประปะปา แต่หากพ้นจากระยะเวลาผ่อนผัน ผู้ใช้น้ำยังไม่ชำระค่าน้ำ จะถูกงดจ่ายน้ำประปา ผู้ใช้น้ำต้องติดต่อสำนักงาน กปภ. สาขา เพื่อชำระค่าน้ำพร้อมค่าปรับ
           ที่ผ่านมา กปภ. สาขาชนบท ผ่อนผันระยะเวลาในการงดจ่ายน้ำประปาให้ผู้ใช้น้ำที่ไม่ชำระค่าน้ำภายในระยะเวลาผ่อนผัน โดยผ่อนผันให้จนถึงสิ้นเดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ใช้น้ำที่จำเป็นต้องรอชำระในวันเงินเดือนออก ทั้งนี้ ระบบการแจ้งหนี้ของ กปภ. สาขาชนบท ไม่มีการระบุวันชำระค่าน้ำแต่อย่างใด แต่ระบุให้ชำระภายใน 7 วัน ดังนั้น ผู้ใช้น้ำต้องวางแผนในการชำระค่าใช้น้ำ หากกำหนดวันชำระวันสุดท้ายตรงกับวันหยุด ผู้ใช้น้ำต้องชำระในวันทำการ เพื่อป้องกันการถูกงดจ่ายน้ำ
           กรณีผู้ใช้น้ำถูกงดจ่ายน้ำประปา หรือการตัดมาตร และต้องการเปิดใช้น้ำประปาต่อไป ผู้ใช้น้ำต้องชำระค่าน้ำประปาค้างจ่ายพร้อมกับค่าธรรมเนียมในการบรรจบมาตร สำหรับบ้านพักอาศัยมีอัตราค่าธรรมเนียมการบรรจบมาตร จำนวน 300 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งอัตรานี้เป็นอัตราเดียวกันทั่วประเทศ



   เรวัติ  น้อยวิจิตร  นสพ.พลังชน ศูนย์ข่าวจังหวัดสุพรรณบุรี

สุพรรณบุรี รองฯปู นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ออกตรวจพื้นที่ ดูระดับน้ำคลองมะขามเฒ่า


            นายวีระศักดิ์  วิจิตร์แสงศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี  โพสต์ในเฟสบุ๊กส่วนตัว ขณะออกตรวจพื้นที่ เพื่ือดูระดับน้ำในคลองมะขามเฒ่า อู่ทอง  พบน้ำเต็มคลอง พื้นที่สามชุก พบรถบรรทุกน้ำ 3 คัน เตรียมดูดน้ำจากคลอง  พื้นที่ดอนเจดีย์  ตรวจดูน้ำดิบในการผลิตประปา  แวะดูการเจาะบ่อบาดาล เพื่อหาน้ำมาทำประปาหมู่บ้าน ที่บ้านสำนักตะค่า  ดูระดับน้ำในคลองยืม และคลอง มอ.  ท่านเขียนฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ไปพบเห็นความผิดปรกติ ในเรื่องต่างๆ ไว้ด้วย



     "   อากาศร้อนมากครับ  แดดแผดเผาเหมือนตกอยู่ในทะเลทราย นั่งรถวิ่งดูน้ำในคลองมะขามเฒ่าอู่ทอง น้ำเต็มดีมาก แม้จะพบบางท่อเหมือนเตรียมพร้อม แต่ยังไม่มีใครละเมิดข้อตกลง จนผ่านมาปากทางวัดดอนไร่ พบรถบรรทุกน้ำ 3 คันจอดเรียงกันอยู่ แต่คันหนึ่งมีสายน้ำลงไปในคลอง ไม่พบตัวโชเฟอร์ทราบภายหลังว่าเจ้าของ คือ นายศรีชัย คูประดิษฐพันธ์ ฝากนายอำเภอสามชุกช่วยจัดการด้วยครับ 
          มาถึงประปาดอนเจดีย์  ถือโอกาสแวะดูน้ำดิบว่าเพียงพอต่อการผลิตรึยัง ใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมงกว่าจะได้พบตัวคนเฝ้า ที่ชื่อเมธี สำนักงานยังไม่มีคนดูแล แล้วจะดูแลประชาชนได้หรือนี่ 
         ฝ่าเปลวแดดมาถึงประปาบ้านสำนักตะค่า คนงานกำลังเจาะบ่อบาดาล เพื่อหาน้ำมาทำประปา พร้อมๆกับรอน้ำจากคลอง มอ.ที่ยังเดินทางมาไม่ถึงได้ดูจุดลักน้ำของสนามคลีและไร่รถ คลองยืมด้านข้าง มีน้ำพร้อมกับคลอง มอ.เป็นไปได้อย่างไร ขอกำลังฝ่ายทหารกับอำเภอเมืองและดอนเจดีย์ช่วยด้วย
          อากาศร้อน ใจคนร้อน น้ำก็ยิ่งร้อนมากขึ้น อุณหภูมิของการแย่งน้ำ ละเมิดข้อตกลงจะพุ่งถึงขีดสุดในวันพรุ่งนี้ บทบาทหน้าที่ของการเฉลี่ยทุกข์ ปันสุข อาจได้รับคำด่าเพิ่มมากขึ้นว่าไม่เห็นใจเกษตรกรบ้างเลย เตรียมพร้อมครับ ^^  "






              วันนี้  1 พฤษภาคม 2559 เป็นวันอาทิตย์ และ วันหยุดแรงงานแห่งชาติ แต่ข้าราชการเมืองสุพรรณ นั้น ไม่ค่อยได้หยุดพัก เห็นแล้วก็ต้องบอกว่า เหนื่อยแทน " ท่านรองปู "  นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี คนที่ 1 ทำงานตามแบบฉบับ " คนดี ศรีสุพรรณ " ซึ่งจากโลกนี้ไปแล้ว เหลือไว้แต่ความทรงจำดีๆ ให้คนเมืองนี้ ได้จดจำ .. ได้ฟังหมอที่โรงพยาบาล คุยให้ฟังก็อดนึกสลดใจไม่ได้  หมอบอก ท่านป่วยมาก ร่างกายก็ทรุดโทรมมาก เพราะวัยล่วงเลยเกินกว่า 80 แล้ว  หมอแนะนำให้พักผ่อนมากๆ  แต่ท่านก็ไม่หยุด .. เหมือนกับจะรู้ว่า เวลาเหลือน้อยเต็มที โครงการต่างๆที่เริ่มไว้  หลายแห่งยังไม่สัมฤทธิ์ผลตาม เจตนา  จึงยังคง ทุ่มเท จนวาระสุดท้ายของชีวิต  .. 





            สำหรับ สภาวะภัยแล้ง ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี  ก็ยังคงอยู่ในภาวะวิกฤต เพราะน้ำต้นทุนเหลือน้อย ทุกๆพื้นที่ เดือดร้อนหมด  ชาวนา  ชาวไร่ ชาวสวน ไม่เว้นแม้ ประมง ทางจังหวัดฯจึงต้องสร้างข้อตกลงในการแบ่งปันการใช้น้ำ ที่มีอยู่น้อยนิดกันว่า จะแบ่งกันอย่างไร  ส่วนหนึ่งก็หาน้ำต้นทุนเพิ่ม  จากบนดินบ้าง  ใต้ดินบ้าง  สำหรับท่านรองฯปู  ที่ต้องทำงานหนัก โดยไม่เว้นแม้วันหยุด ก็เพื่อผดุงความยุติธรรม  ความเสมอภาค ให้กับทุกๆพื้นที่  เห็นแล้วก็ต้อง   ขอบอกว่า ..เหนื่อยแทน  แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม กับ ความทุ่มเท แรงกาย แรงใจ เพื่อชาวสุพรรณบุรี   ผมเชื่อว่า  ความทุ่มเท ที่มีให้ในทุกวันนี้ มิใช่เพราะหน้าที่  ความรับผิดชอบ แต่เพียงอย่างเดียว  แต่เป็นเพราะ ความห่วงใย ความวิตกกังวล ว่า .. หากเกิดความเสียหายขึ้น แล้วจะทำกันอย่างไร ต่างหาก  ภารกิจยังอีกยาวไกล ในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ..ที่กำลังจะมาถึง ก็ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ เพื่อ ภารกิจ ที่เหลืออยู่ของท่าน .. ได้สัมฤทธิ์ผล ตามที่ปรารถนาครับ






               เรวัติ  น้อยวิจิตร  นสพ.พลังชน ศูนย์ข่าวจังหวัดสุพรรณบุรี