วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เลขาธิการ ปปท. บุกตรวจรีสอร์ทดังรุกที่ป่าสงวน สระบุรี



              เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ  (ปปท.)  พร้อม ฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นำเจ้าหน้าที่ทหารและ สื่อมวลชนกว่า 50 นาย เข้าตรวจสอบผลการดำเนินคดีกับรีสอร์ท ดัง 2 แห่งใน อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาทรัพยากรป่าไม้ หลังจาก กอ.รมน.สระบุรี และ ปปท.เขต ๑ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบพบบุกรุกเขตป่าสงวน และ มอบให้สำนักป่าไม้ 5 สระบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายแต่คดีไม่คืบหน้า พร้อมมีการบุกรุกเพิ่มเติม คาดมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง



               เมื่อ 9 ก.ค.57  นายประยงค์  ปรียาจิตร   เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ  (ปปท.)  พร้อมด้วย  พลตรีทิวพร   ชะนะพะเนาว์  ฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (คสช.)  พ.อ.ปราการ ปทะวานิช รอง ผบ.จทบ.ส.บ.พ.ต.ท.ชัยวิณ เสมาทอง ผอ.ปปท.เขต ๑ นายวิเชียร  พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี  พล.ต.ต.  ชลิต  ปรีชาหาญ  ผบก.ภ.จว. สระบุรี  และป่าไม้จังหวัดสระบุรี  นำกำลัง พร้อมสื่อมวลชนกว่า 50  คน  เข้าตรวจสอบฮิลล์ไซด์รีสอร์ท  ซึ่งตั้งอยู่บริเวณพื้นที่  ม. 7  ต. หนองย่างเสือ  อ. มวกเหล็ก  จ. สระบุรี  เนื่องจากมีการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่จำนวนมากให้ตรวจสอบการลักลอบบุกรุกป่าสงวนในเขตจังหวัดสระบุรี  ซึ่งอาจจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง  




              พื้นที่ดังกล่าวมีการก่อสร้างและปรับปรุงพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ  บริเวณด้านหน้าปลูกสร้างอาคาร  ร้านกาแฟ  ร้านอาหาร  สร้างที่พักแบ่งเป็นหลัง  ขุดสระน้ำและฟาร์มเลี้ยงแกะ  ในลักษณะปรับปรุงเป็นแหล่งท่องเที่ยว  บริเวณถัดไปซึ่งเป็นพื้นที่กว้าง  เป็นทุ่งหญ้าที่มีการปลูกสร้างอาคารใหญ่  4 – 5  ห้องนอน  หลายหลัง  นอกจากนั้นยังมีการจัดแบ่งพื้นที่บริเวณภายในเป็นแปลงเพื่อจำหน่าย  ถัดลึกไปด้านในสภาพเป็นภูเขาสูงชัน  มีการก่อสร้างบันไดคอนกรีตขึ้นไปบนยอดเขาจำนวน  384  ขั้น  ซึ่งบนยอดเขาปรับเป็นพื้นที่จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบด้านได้  360  องศา  นอกจากนั้นยังมีป้ายปักขายที่ดินมีเอกสาร  ภบท. 5  ขายในตารางวาละ  2,500  บาท  หรือไร่ละ  1  ล้านบาท  คิดเป็นพื้นที่บุกรุกประมาณ  896  ไร่  61  ตารางวา  ซึ่งรีสอร์ทดังกล่าวขณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบไม่พบผู้ดูแลหรือเปิดกิจการเหมือนทุกวัน  เนื่องจากไหวตัวและหลบหนีไปก่อน  



              จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้เดินทางไปที่  นอร์ตติ่งฮิลล์รีสอร์ท  อยู่บริเวณหมู่  5  ต. หนองย่างเสือ  เช่นเดียวกัน  พื้นที่ดังกล่าวมีการทำรั้วกั้น  การก่อสร้างอาคารจำนวน  3  หลัง  ที่ยังไม่แล้วเสร็จและมีการปรับปรุงพื้นที่แบ่งเป็นแปลง ๆ  ในลักษณะจัดที่ดินขายเช่นเดียวกัน  ซึ่งขณะนี้มีการจัดสาธารณูปโภค  ไฟฟ้าเข้าไปในพื้นที่  จากการตรวจสอบทั้ง  2  แห่ง  ปรากฏว่ามีการบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ  ทางคณะผู้ตรวจสอบ จึงได้แจ้งให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่  5  สระบุรี  เข้าร้องทุกข์ดำเนินคดีตรวจสอบข้อเท็จจริงกับผู้กระทำผิดทั้ง  2  ราย  ที่  สภ. มวกเหล็ก  ในเวลาต่อมา 



              การเข้าตรวจสอบครั้งนี้ เนื่องจาก ผลการดำเนินคดีกับรีสอร์ทดัง 2 แห่งของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาทรัพยากรป่าไม้ หลังจาก กอ.รมน.สระบุรี ปปท.ภาค1 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เคยมาตรวจสอบครั้งหนึ่งแล้วเมื่อ 16 มิ.ย. 57และมีการจับกุมคนงานที่กำลังก่อสร้างไปดำเนินคดี 9  คน ต่อมายังมีการก่อสร้างอาคารต่างๆ ภายในรีสอร์ทอยู่ จึงเข้ามาตรวจสอบซ้ำและให้ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 (สระบุรี) แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าของรีสอร์ท ข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนต่อไป  ต่อมาได้เดินทางไปตรวจสอบรีสอร์ทNotting Hill@เขาใหญ่ หมู่ 5  ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ซึ่งสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 (สระบุรี) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคยมาตรวจสอบเมื่อ 21 พ.ค.57 พบว่าบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ในครั้งนั้นได้จับคนงานที่กำลังก่อสร้างได้ 3 คน ได้แจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนจำนวน 6 ไร่ การมาตรวจสอบครั้งนี้พบพื้นที่ที่คาดว่าป่าไม้ถูกบุกรุกเพิ่มเติม และคดีไม่คืบหน้า  จึงให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที 5 (สระบุรี) รังวัดพื้นที่ที่ถูกบุกรุกทั้งหมด แล้วแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของ  รีสอร์ท ตามจำนวนพื้นที่ที่บุกรุกจริง และให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่หากละเว้นจะดำเนินตามขั้นตอนต่อไป



            ขณะเดียวกันได้มีนางสมพิศ  สานมะโน  อายุ  65  ปี  ราษฎร  ต. หนองย่างเสือ  อ. มวกเหล็ก  ได้หอบเอกสารและหลักฐานเข้าร้องทุกข์ต่อ  นายประยงค์  ปรียาจิตร   เลขาธิการฯ  และผู้ว่าราชการจังหวัด  ว่าถูกกลุ่มนายทุนบุกรุกที่ทำกินเดิมกว่า  20  ไร่  โดยกลุ่มนายทุนได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่บางคน  ร่วมกันทำเอกสารปลอมขึ้นและ  นางสมพิศฯ  ก็เคยเข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐในอดีตที่ผ่านมา  แต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือแต่อย่างใด  จึงเข้าร้องทุกข์ต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (คสช.)  ขณะนี้  โดยทางเจ้าหน้าที่ได้รับปากช่วยเหลือ  สอบสาเหตุที่แท้จริงทั้ง  2  ฝ่ายเพื่อดำเนินการแล้ว






(คนธรรมดา  ม้าตัวเดียว)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น