วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กอ.รมน.สระบุรีฟิตร่วมตำรวจ ตม.แรงงาน และพม กวาดล้างสถานบันเทิง

กอ.รมน.สระบุรีฟิตร่วมตำรวจ ตม.แรงงาน และพม กวาดล้างจับกุมโอเกะต่างด้าวค้าประเวณี เมื่อ 8 พ.ย.เวลา 21.30 น. พล.ต.นพดล พิศวง รอง ผอ.รมน.จังหวัด สระบุรี ร่วมกับ พ.ต.ท.ทวีป ช่างต่อ สว.กก.2 บก.สส.สตม. นายวิฑูรย์ สุขะวัธนกุล จัดหางานจังหวัดสระบุรี นางเบญวรรณ์ จันทร์ภูมิ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ ร.ต.อ.ณัฐกร กุญแจทอง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองลพบุรี, นางปานจิตร อทิบุญสุวรรณ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระบุรี ปลัดอาวุโส อ.แก่งคอยโดยการสั่งการของนายอำเภอแก่งคอย นายภาสกร บุญญลักษม์ และเจ้าหน้าที่รวม 30 คน ได้ร่วมทำการจับกุม นางพิสมัย จันทรังษี อายุ 21ปี สัญชาติลาว ผู้จัดการร้าน พร้อมพวกรวม 27คนข้อหา อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหลายคนและมาค้าประเวณี ณ .ที่ร้าน สายฝนคาราโอเกะ ตั้งอยู่เลขที่ 15/1 ถ.มิตรภาพ ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
จากการสืบสวนทราบว่าที่ร้านสายฝนคาราโอเกะ หญิงสาวต่างด้าวสัญชาติลาวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหลายคนและมาค้าประเวณีอยู่ในสถานที่ดังกล่าว เจ้าพนักงานตำรวจ กก.2 บก.สส.สตม. จึงได้วางแผนล่อซื้อโดยให้ ตำรวจนอกเครื่องแบบทำทีเข้าไปเที่ยวดื่มกินในร้าน และล่อซื้อบริการทางเพศ และได้จ่ายเงินให้หญิงต่างด้าวผู้ค้าประเวณี ซึ่งได้สำเนาธนบัตรไว้แล้ว ที่ห้องซึ่งจัดไว้ร่วมหลับนอนบริเวณหลังร้าน จากนั้นส่งสัญญาณมายัง ชุดซึ่งซุ้มรออยู่ด้านนอกให้เข้าทำการตรวจสอบภายในร้าน พบนางพิสมัย จันทรังษี อายุ 21 ปี สัญชาติลาว และ นางเจอรี วิแสน อายุ 24ปีสัญชาติลาว รับเป็นคนดูแลลูกค้าและพนักงานผู้ค้าประเวณีสัญชาติลาว ทั้ง 25 จึงแจ้งข้อหาพร้อมส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.แก่งคอย เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับในเขตพื้นที่ อ.แก่งคอย เป็นเขตอุตสาหกรรม ทำให้มีระบบเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี จึงทำให้มีร้านอาหารในลักษณะเปิดร้านคาราโอเกะแฝงด้วยการค้าประเวณีเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งการใช้แรงงานต่างด้าวที่ทำงานถูกต้องตามกฎหมายและที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม ออกตรวจสถานประกอบการ เพื่อเป็นการป้องปรามผู้ที่คิดจะกระทำความผิดในลักษณะนี้โดยส่วนใหญ่มี ผู้ทำตัวกว้างขวางในพื้นที่อำเภอแก่งคอย คอยดูแล ดังนั้นนายภาสกร บุญญลักษม์ นายอำเภอแก่งคอย ร่วมกับ กอ.รมน.จังหวัดสระบุรี จึงได้ เร่งปราบปรามทั้งแรงงานต่างด้าว และพวกที่ชอบบุกรุกทรัพยากรป่าไม้ มาอย่างต่อเนื่องจนถูกหาเรื่องโจมตี จากผู้สูญเสียผลประโยชน์ ที่มีเส้นสาย ทั้งสื่อและนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง มาโดยตลอด และบางครั้งผู้ใหญ่หรือหัวหน้าส่วนราชการยังตกเป็นเครื่องมือโดยไม่รู้ตัว
(คนธรรมดา ม้าตัวเดียว)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น